Part 1
ซองยอล
ทำงานอยู่ในร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งแถบย่านชานเมือง ร้านหนังสือแห่งนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก
ดังนั้นจึงมีพนักงานในร้านเพียงซองยอลและอูฮยอนเพื่อนร่วมงานอีกคนเท่านั้น
และในช่วงเวลานี้ลูกค้าในร้านมีเพียงคนสองคนเท่านั้นกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่ที่ชั้นวางหนังสือ
ซองยอลยืนเท้าคางอยู่ที่เค้าเตอร์คิดเงินมองคนในร้านด้วยดวงตาที่เหม่อลอย
" ซองยอล...ซองยอล...อีซองยอล
"
อูฮยอนเพื่อนร่วมงานตัวเล็กเดินมาเรียกซองยอลอยู่หลายครั้ง
ก่อนที่ซองยอลจะสะดุ้งแล้วหันมาหาตามเสียงเรียกของอูฮยอน
" ฉันตกใจหมดอูฮยอน
มีอะไรหรอ "
" เหม่อ
ใจลอยอีกแล้วนะ "
อูฮยอนเอ่ยเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนร่วมงาน
ซองยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
" อย่าบอกนะ ว่าคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว
" อูฮยอนเอ่ยถาม ซองยอลพยักหน้ารับ
" แล้วเห็นไหมว่าใคร
"
ซองยอลส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ
" ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นใครเลย
แค่รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตามมาเหมือนทุกๆครั้ง "
" ซองยอล
ฉันว่ามันเริ่มน่ากลัวแล้วนะ ถ้ามีคนเดินตามนายจากปากซอยบ้านไปจนถึงบ้านนายทุกวันแบบนี้
คนๆนั้นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ "อูฮยอนออกความเห็น
" แต่ฉันพยายามดูแล้วนะก็ไม่เห็นใคร
หรือว่าฉัน...ประสาทหลอน ฉันกำลังเป็นบ้า "
ซองยอลเอ่ยอย่างสับสน
" ไม่เอา
ใจเย็นๆนะ " อูฮยอนเอื้อมมือมากุมมือซองยอลอย่างปลอบใจและให้กำลังใจ
ซองยอลกำลังเครียดและกลัว ปกติแล้วหลังจากเลิกงานที่ร้านหนังสือ
ร่างบางจะนั่งรถเมล์ไปลงแถวปากซอยบ้านแล้วเดินเข้าซอยเพื่อเข้าบ้านที่ตั้งอยู่ที่ท้ายซอย
แต่ในระยะหลังๆของ สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น
ซองยอลกลับรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามเขาอยู่ตลอดจากปากซอยจนถึงบ้านแต่เมื่อหันกลับไปก็ไม่พบใครแม้เงา
เป็นอย่างนี้มาตลอดทุกวันจนเขาเกิดอาการเครียดและคิดมาก
" ขอบใจนะอูฮยอน
"
ซองยอลกล่าวขอบคุณอูฮยอน
ซองยอลมาทำงานที่ร้านหนังสือนี้มาไม่ถึงปีแต่กลับสนิทสนมกับอูฮยอนได้อย่างรวดเร็วจนสามารถเล่าหรือปรึกษาอูฮยอนได้ในหลายๆเรื่อง
อูฮยอนยิ้มให้กับซองยอลก่อนจะเดินออกไปหาลูกค้าที่เรียกเขาอยู่
ดึกมากแล้ว
ซองยอลลงจากรถเมล์ก่อนจะเดินเข้ามาในซอย มือบางหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับมือถือก่อนจะนำมาใส่หูของตนเองเปิดเพลงฟังเพื่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยตนเองยังมีเพลงเป็นเพื่อน
สองสามอาทิตย์กับเหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เขากลัวจริงๆ หลายครั้งที่ซองยอลคิดอยากจะพึ่งบริการแท็กซี่แต่เมื่อคิดดูแล้วมันก็ดูเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไปสำหรับเขาที่มาจากครอบครัวที่ฐานะปานกลาง
ซองยอลเดินเข้ามาในซอยได้เพียงครึ่งทางอยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบเข้าไปที่ขั้วหัวใจ
มือทั้งสองข้างที่เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกำมือถือของตัวเองเอาไว้แน่น
" ตึก ตึก ตึก
ตึก ตึก ................ "
เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลังระยะห่างออกไปไม่มากจากร่างบาง
ซองยอลเร่งก้าวเท้าเรียวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ความกลัวแล่นไปทั่วทุกรูขุมขน
เหงื่อชื้นเริ่มไหลออกมาเต็มใบหน้าใจเต้นไม่เป็นส่ำ
" ตึก ตึก ตึก
ตึก ................. "
เสียงก้าวฝีเท้าจากใครคนเดิมยังคงดังมากระทบโสตประสาท
มันยิ่งดังขึ้น ดังขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งเพิ่มความกลัวแล่นสู่จิตใจของซองยอลมากขึ้นไปอีก
ในที่สุดซองยอลก็ตัดสินใจออกวิ่งจนสุดฝีเท้า
โดยมีเสียงฝีเท้าเสียงนั้นเร่งความเร็วตามเขามา มากขึ้นๆ ใกล้เข้ามาอีกๆ ซองยอลวิ่งมาถึงบ้านร่างบางรีบล้วงกุญแจหยิบขึ้นมาแต่ด้วยความที่มือสั่นไหวเขาจึงทำกุญแจตกลงไปที่พื้น
ร่างบางกลั้นหายใจก้มเก็บกุญแจนั้นแล้วไขเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูล็อคแน่นหนาจากข้างในทันที
ซองยอลยืนหอบด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งหลังพิงประตูก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หลังจากตั้งสติทิ้งความหวาดกลัวเมื่อครู่ลงไปได้แล้ว ซองยอลก็เริ่มแปลกใจเมื่อพบว่าภายในบ้านของเขาเปิดไฟสว่างไปทั้งบ้านทั้งๆที่มีเพียงเขาอาศัยบ้านหลังนี้อยู่โดยลำพัง
เมื่อคิดได้ดังนั้นความหวาดกลัวก็เริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจอีกครั้ง
ร่างบางเม้มปากแน่นพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้สั่นไหว ก่อนจะก้าวขาที่เริ่มจะสั่นเคลื่อนตัวไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่างไปจากตัวเขามากนัก
บ้านของซองยอลไม่ได้ใหญ่โตนัก เป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่เกือบๆชานเมือง
ชั้นล่างมีโถงโล่งๆสำหรับเป็นที่รับแขกและมีห้องครัวและห้องน้ำอย่างละห้อง
ส่วนชั้นบนมีห้องนอน 2 ห้องและห้องน้ำอีก 1 ห้อง
ซองยอลก้าวขาไปที่ห้องน้ำก่อนจะชะงักทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผลักประตูห้องน้ำเข้าไป
แสงไฟจากห้องโถงส่องเข้าไปในห้องน้ำ มันว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ซองยอลถอนหายใจออกมาอีกเฮือกของวันนี้ เหงื่อบนใบหน้ายังคงไหลซึมด้วยความกลัว
ทันใดนั้น ........................
“ เคร้งงงงงงงงงง
!!!!!!! ”
เสียงวัตถุบางอย่างกระทบเข้ากับพื้นดังสนั่นกลบความเงียบ
เสียงนั้นดังมาจากทางห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง
ซองยอลสะดุ้งสุดตัว
ตัวเริ่มสั่นไหวไปด้วยความกลัวแต่ความอยากรู้นั่นมีมากกว่า ในที่สุดซองยอลก็ตัดสินใจสาวเท้าตรงไปยังห้องครัว
ขาเรียวค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างช้าๆพร้อมกับดวงตากลมโตนั้นก็มองไปรอบๆห้องนั้น แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากกะละมังอะลูมิเนียมใบหนึ่งที่หล่นอยู่ที่พื้น
ซองยอลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก
เขาคงคิดมากไปเองกะละมังใบนั้นเขาตงวางไว้หมิ่นเกินไปมันจึงตกลงมา
“ แล้วไฟล่ะ ใครเปิด”
ซองยอลพึมพำนึกขึ้นได้ถึงไฟที่เปิดทิ้งไว้เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รีบออกมาจากห้องครัวแต่เมื่อหมุนตัวจะกลับมาร่างบางก็ชนเข้ากับร่างหนึ่งเข้าอย่างจัง
" ไม่ !!!!!!
อย่านะ !!!!!!!!! ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัว!!!!!!! " ซองยอลทนรับความกลัวที่ครอบคลุมจิตใจถึงจุดสูงสุดไม่ได้อีกแล้วร่างบางทรุดลงไปที่พื้น
ปิดตาสนิท สองมือเรียวปิดไปที่หูด้วยความกลัวถึงขีดสุด
น้ำตาเริ่มรินไหลออกมาอาบแก้มใส
" ซองยอล ซองยอล
" เสียงหนึ่งเรียกเขาพร้อมกับเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวเขา
" อย่า !!!!!
ไม่ !!!! " ซองยอลปัดสัมผัสนั้นทิ้งแล้วหวีดร้องเสียงดังอย่างคนที่เริ่มเสียสติ
" ซองยอล
นี่พี่เองนะ ใจเย็นๆ "
เสียงอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง
พร้อมสัมผัสแผ่วเบาจับที่ต้นแขนทั้งสอง ซองยอลค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับเสียงนั้น
ก่อนจะโผเข้ากอดคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างขวัญเสีย
" พี่โฮวอน
" ร่างหนากอดร่างบางปลอบก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลเบาๆอย่างอ่อนโยนให้คลายความกลัวลง
หลังจากซองยอลควบคุมสติได้
โฮวอนก็พาซองยอลมานั่งที่โซฟาในห้องโถง โฮวอนเป็นพี่ชายของซองยอลแต่เนื่องจากต้องไปทำงานประจำที่ต่างจังหวัด
ดังนั้นนานๆครั้งจึงจะกลับมาบ้านซักครั้งนึง
" มีอะไร
เล่าให้พี่ฟังได้ไหม " โฮวอนวางเครื่องดื่มร้อนๆบนโต๊ะให้กับน้องชายก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ
" เอ่อ...คือ
" ซองยอลมองสบตากับผู้เป็นพี่ชายก่อนจะครุ่นคิดว่าเขาควรจะบอกโฮวอนดีไหม ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมา
" คือสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามผมมาตลอด เวลาที่ผมกลับบ้าน "
" แต่ผมมองกลับไปกลับไม่มีใคร
ผมกลัวพี่โฮวอน ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว "
โฮวอนหน้าซีดลงเล็กน้อยแววตาของร่างสูงดูหวั่นไหวอะไรบางอย่างก่อนจะปรับมันกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว
" ซองยอลคิดมากไปหรือเปล่า
ไม่มีอะไรหรอกนี่เราอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีอะไรนะ
"
โฮวอนเอ่ยกับผู้เป็นน้องชาย
" จริงๆนะครับพี่โฮวอน
มันน่ากลัวมาก ผมกลัว "
" ไม่เอาน่า
ไม่มีอะไรหรอก พี่ว่าเราชอบเอาหนังพวกฆาตกรรมสยองขวัญมาดูใช่ไหมเนี่ย ถึงเอาไปคิด
"
" ผมไม่ได้โกหกนะพี่
ผมพูดจริงๆ มีคนตามผมจริงๆ "
" ใจเย็นๆ
ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่ " โฮวอนตัดบท
" แต่....
" ซองยอลอยากจะพูดต่ออยากอธิบายเรื่องราวให้โฮวอนเชื่อเขาแต่ดูท่าทางพี่ชายของเขาไม่มีวี่แววที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อยซองยอลจึงเลือกที่จะหยุดไว้แค่ตรงนั้นแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
โฮวอนมองตามร่างของผู้เป็นน้องชายจนลับตา
เมื่อพ้นร่างนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็เศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาทั้งสองสั่นวูบไหว
" ซองยอล
พี่ขอโทษ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพื่อน้องนะ " โฮวอนซบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกอัดอั้นในใจหลายๆอย่างที่เขาไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้
เช้าวันรุ่งขึ้นโฮวอนขับรถมาส่งซองยอลที่ร้านหนังสือก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัดตามเดิม
" เรื่องเมื่อคืนอย่าเอามาคิดมากนะ
พี่ว่าไม่มีอะไรหรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องติดต่อพี่ด่วนเลยนะ รู้ไหม "
โฮวอนแตะมือลงบนบ่าน้องชายด้วยความเป็นห่วง
ซองยอลได้แต่พยักหน้าตอบรับผู้เป็นพี่ชาย
" อยู่ได้แน่นะ
ไปอยู่กับพี่ไหม "
โฮวอนเอ่ยถามอีกครั้ง
เขาเคยขอให้ซองยอลย้ายไปอยู่กับเขาที่ต่างจังหวัดแต่ซองยอลกลับปฎิเสธทุกครั้ง
" ไม่เป็นไรครับ
ผมชอบที่นี่ ชอบทำงานที่นี่ "
ซองยอลเอ่ย
โฮวอนยิ้มอ่อนโยนให้น้องชายก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลนั้นเบาๆ
" ดูแลตัวเองนะ
แล้วพี่จะหาเวลามาหาบ่อยๆ พี่ไปล่ะ "
โฮวอนเอ่ยก่อนจะกลับไปที่รถ
ซองยอลมองรถของโฮวอนจนลับตาก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในร้าน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของร้าน
อูฮยอนจึงชวนซองยอลออกไปดูหนังและช็อปปิ้งกัน ซองยอลตอบรับในทันทีเพราะถึงแม้จะเป็นวันของการพักผ่อนแต่การที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเพียงลำพังมันช่างเดียวดายเหลือเกิน
หลังจากเสร็จสิ้นจากการดูหนัง
อูฮยอนก็ลากซองยอลมาที่ย่านช็อปปิ้ง อูฮยอนดูมีความสุขกับการเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้
ผิดกับซองยอลเขาดูซึมๆสีหน้าดูมีความกังวลและคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
" ยิ้มหน่อยสิซองยอล
เห็นนายหน้าตาแบบนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย " อูฮยอนเอ่ยทัก
" ไม่มีอะไรหรอกอืม...เดี๋ยวฉันมานะ
ฉันหิวน้ำ "
ซองยอลเอ่ย อูฮยอนพยักหน้ารับรู้
ซองยอลจึงผละออกมาจากอูฮยอนแล้วตรงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มและซื้อมันมาสำหรับตัวเขาและอูฮยอน
ระหว่างทางที่จะกลับไปหาอูฮยอนที่ร้านเดิม
ซองยอลมองไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนก็เห็นร้านกาแฟร้านเล็กๆน่ารักร้านหนึ่งตั้งอยู่ตรงนั้น
หน้าร้านมีตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูตัวโตน่ารักวางอยู่บนม้านั่งยาวสีขาวและกำลังมีคู่รักคู่หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
ฝ่ายหญิงวิ่งไปโอบกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่นก่อนจะกวักมือเรียกฝ่ายชายให้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปให้
คุ้น !!! ทำไมซองยอลถึงรู้สึกคุ้นภาพนั้น
เคยเห็นที่ไหนกันนะ ซองยอลครุ่นคิด คิ้วเริ่มขมวดย่น แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
ศีรษะเริ่มปวดโดยเริ่มจากขมับซ้ายไล่มาทางขมับขวา มือเรียวกุมขมับด้วยความเจ็บปวด
แต่ด้วยความสงสัยที่มีต่อภาพตรงหน้ามีมากกว่า ร่างบางก้าวเท้าไปที่ทางม้าลายทันทีโดยไม่ทันได้มองเลยว่าสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว
" เอี๊ยดดดดดดดดดด
!!!!!!! "
เสียงเบรกล้อรถยนต์กระทบกับพื้นถนนเสียงดังลั่น
รถยนต์คันนั้นหยุดนิ่งห่างจากร่างซองยอลไม่ถึงคืบ
ซองยอลทรุดลงไปอยู่ที่พื้นถนนด้วยความตกใจ
ศีรษะเริ่มปวดรุนแรงมากขึ้นๆจนต้องยกมือเรียวทั้งสองมากุมไว้แน่น
ในหัวมีภาพหลายๆภาพซ้อนทับไปมาสับสนวุ่นวายไปหมดก่อนจะเริ่มเด่นชัดขึ้นมาทีละภาพเริ่มจากภาพของตัวของซองยอลเองกำลังยืนอยู่กลางถนนและมีรถกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาหาเหมือนเช่นเมื่อครู่นี้ก่อนที่รถคันนั้นจะพุ่งเข้าใส่ร่างซองยอลก็มีร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ซองยอลมองเห็นหน้าไม่ชัดพุ่งผลักตัวเขาออกไปให้พ้นทาง
" ซองยอล !!!!
"
เสียงของผู้ชายคนนั้นที่เรียกชื่อของเขาก้องดังก่อนภาพนั้นจะจางหายไปและดับมืดลงก่อนจะกลายเป็นภาพใหม่ซ้อนทับขึ้นมา
ภาพร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มีตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ผูกโบว์สีชมพูตั้งอยู่บนม้านั่งสีขาวหน้าร้านคล้ายกับร้านที่ซองยอลเห็นเมื่อครู่
ตัวซองยอลนั้นกำลังออกแรงดึงแขนผู้ชายคนหนึ่งให้เดินตรงไปที่ตุ๊กตาหมีตัวนั้น
" ตุ๊กตาหมีน่ารักจัง
ดูสิ "
ซองยอลชี้นิ้วเรียวไปที่ตุ๊กตาหมีตัวโต
ชายหนุ่มที่มาด้วยกันยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู
" ถ่ายรูปฉันกับตุ๊กตาหมีให้หน่อยสิ
"
ซองยอลเอ่ยกับร่างสูง ก่อนจะวิ่งไปกอดตุ๊กตาหมีเอาไว้แน่น
ชายหนุ่มคนนั้นหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปให้
" อันไหนนาย
อันไหนตุ๊กตาหมีเนี่ย " ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยเย้าเล่น
" นี่นายว่าฉันอ้วน
เหมือนหมีหรอ " ซองยอลกอดอกบุ้ยปากงอนจนแก้มป่องน่ารัก
" เปล่าซะหน่อย
ฉันหมายถึงว่านายน่ารักน่ากอดเหมือนหมีต่างหากล่ะ "
ซองยอลได้ฟังแล้วก็อมยิ้มด้วยความพอใจระคนกับความเขินแก้มใสระเรื่อขึ้นสีเล็กน้อย
" มาถ่ายรูปด้วยกันสิ
"
ซองยอลกวักมือเรียกเขาคนนั้นให้มาใกล้
ทั้งสองถ่ายรูปเซลก้ากันกับตุ๊กตาหมีตัวโตอย่างมีความสุข
เสียงหัวเราะของซองยอลกับผู้ชายคนนั้นก้องขึ้น
ภาพนั้นจางไปอีกครั้ง
ก่อนจะซ้อนทับไปด้วยภาพมากมายไหลเข้ามาในหัวของซองยอลราวน้ำหลาก
ร่างบางกรีดร้องออกมาด้วยความสับสนและอาการปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง
จนคนรอบข้างที่เข้ามาดูอาการของเขาต่างตกใจ
" ซองยอล !!!!
"
อูฮยอนที่ออกมาตามซองยอลและวิ่งมาเห็นซองยอลก็รีบตรงเข้ามาที่ซองยอลทันที
" ซองยอล ซองยอล
"
อูฮยอนพยายามกอดร่างของผู้เป็นเพื่อนให้สงบลง
ซองยอลดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของอูฮยอนเพียงครู่เดียวก็หวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะฟุบสลบไปในอ้อมกอดของอูฮยอน
ที่โรงพยาบาล
โฮวอนรีบบึ่งรถมาที่โรงพยาบาลทันทีหลังจากทราบข่าวจากอูฮยอนที่โทรไปบอกข่าวแก่เขา
อาการของซองยอลทางร่างกายไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะร่างบางไม่ได้บาดเจ็บอะไรจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
แพทย์ลงความเห็นว่าซองยอลคงตกใจมากจึงทำให้สลบไป แต่โฮวอนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอาการของซอลยอลมันต้องไม่ใช่อาการที่ปกติธรรมดา
" ตอนเกิดเรื่อง
ซองยอลดูช็อกมากเลยครับ เขาเอาแต่กุมหัวแล้วกรีดร้องโวยวายจนฟุบสลบไป
ตอนนั้นผมกลัวจริงๆนะ ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน "
นั่นคือถ้อยคำของอูฮยอนที่บอกกล่าวแก่เขาหลังจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
โฮวอนเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไป
ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของซองยอล ชายหนุ่มมองร่างบางของผู้เป็นน้องชายที่หลับอยู่บนเตียงคนป่วยด้วยความสงสาร
โฮวอนค่อยๆเอื้อมมือไปลูบผมของน้องชายอย่างแผ่วเบาดวงตาสั่นไหว
น้ำตาใสๆของลูกผู้ชายคลอที่เบ้าตา
" ซองยอล
พี่ควรจะทำยังไงดี พี่ควรทำยังไง "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น