วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

Secrecy Part 3



Part 3

 

ซองยอลนั่งนิ่งร่างกายสั่นสะอื้นมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยโดยไม่มีทีท่าที่จะหยุด มือที่ถือรูปใบนั้นสั่นเทามากขึ้นๆจนรูปปลิวหลุดตกจากมือ ซองยอลพยายามนึกถึงเรื่องราวทุกอย่าง แค่เพียงเห็นดวงหน้าของผู้ชายคนนั้นในภาพก็เหมือนมีก้อนหินจำนวนมากมายหล่นทับลงมาที่ร่าง มันช่างหนักอึ้งและแสนจะทรมาณ หน้าอกข้างซ้ายเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมีคมมีดนับพันทิ่มแทงเข้าใส่ น้ำตาใสพรั่งพรูออกมาดั่งสายน้ำหลากที่ไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ขมับด้านซ้ายและด้านขวาเริ่มมีอาการเจ็บปวดจนซองยอลต้องยกมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมากุมเอาไว้ ยิ่งคิดมากเท่าไรศีรษะก็ยิ่งเจ็บปวดบีบรัดแน่นมากขึ้น ภาพต่างๆหลายๆภาพปรากฎขึ้นหมุนเวียนสลับไปมาซ้อนทับในสมองอย่างรวดเร็วและรุนแรง ก่อนจะค่อยๆเริ่มช้าลงๆและปรากฎแจ่มชัดขึ้นทีละภาพๆราวกับเครื่องฉายหนัง

 

" ซองยอล รอนานไหม "

เสียงจากร่างสูงเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ซองยอลหันมาตามเสียงแล้วยิ้มสดใสให้เขาก่อนจะส่ายหัวปฎิเสธ

 

" งั้นเราไปกันเถอะ วันนี้ฉันอยากกินไอศกรีม "

ซองยอลเอ่ยเสียงใสกับร่างสูง ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มอ่อนโยนแกมเอ็นดูตอบกลับมา

 

" ได้สิ แต่ว่า...ฉันมีอะไรจะให้นายช่วยหน่อย " ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้น

 

" ช่วย? ช่วยอะไรหรอ " ร่างบางตาโตบุ้ยแก้มป่องด้วยความสงสัย

 

" ฉันจะซื้อของให้เพื่อน อยากจะให้นายลองแทนให้หน่อย "

 

" หืม...ซื้ออะไรหรอ เอาสิ ฉันลองให้ "  ซองยอลเอ่ย

 

" งั้นยืมมือหน่อย "

ชายหนุ่มร่างสูงยื่นมือมาตรงหน้า ซองยอลจึงส่งมือเรียวข้างขวามาตรงหน้าแต่ชายหนุ่มกลับเอื้อมมือไปคว้ามือข้างซ้ายของร่างบางขึ้นมาแทนก่อนจะสวมแหวนเงินเกลี้ยงลงบนนิ้วนางของซองยอล

 

" ว้าว พอดีเลย "  ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจ

 

" แหวน? นี่นายซื้อแหวนให้เพื่อนหรอ "  ซองยอลถามด้วยความงุนงง

 

" เปล่า ฉันซื้อให้นายต่างหาก วันนี้วันครบรอบของเราไง "

 

" ใช่ที่ไหน วันครบรอบคบกันสองปีของเรามันอีกตั้งสามเดือนต่างหาก "

ซองยอลเอ่ย ดวงตาสวยยังคงมองแหวนบนนิ้วด้วยความพึงพอใจ

" ก็ไม่ใช่วันครบรอบคบกันไง แต่เป็นวันครบรอบสองปีที่ฉันตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกเห็นต่างหาก "

 

" นี่นายจำได้ด้วยหรอ "  ซองยอลเอ่ยถามใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข

 

" จำได้สิ ก็นายมาเดินผ่านหน้าให้ฉันใจเต้นรัว ตาโตๆแก้มป่องๆนี่ทำให้ฉันแทบลืมหายใจเลยนะ "

ชายหนุ่มตรงหน้าเอื้อมมือมาหยิกแก้มร่างบางเบาๆเป็นการหยอกเย้า ซองยอลอมยิ้มแก้มขึ้นสีระเรื่อด้วยความขวยเขินกับคำพูดนั้น

 

" อ่ะ ใส่ให้ฉันที "  ร่างสูงยื่นสร้อยที่ร้อยแหวนเงินเกลี้ยงอีกวงไว้ให้กับซองยอล

 

" ทำไมถึงไม่สวมไว้ที่นิ้วล่ะ "  ซองยอลถามอย่างสงสัย

 

" ก็ใส่แบบนี้มันจะได้อยู่ใกล้ๆหัวใจฉันไง "  ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ

 

" เน่ามาก "  

ซองยอลตีแขนร่างสูงด้วยความเขินอาย ก่อนจะเอื้อมมือไปรับสร้อยเส้นนั้นมาแล้วสวมสร้อยให้กับคนตรงหน้า ร่างสูงจึงฉวยจังหวะนั้นโอบร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

 

" ใส่เสร็จแล้ว แล้วก็ปล่อยได้แล้ว "

ซองยอลเอ่ยกับคนตรงหน้า ร่างสูงระบายยิ้มส่งให้พร้อมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้ามาขโมยหอมแก้มซองยอลฟอดใหญ่ ซองยอลแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขิน

" ซองยอล.....ฉันรักนายนะ "

ชายหนุ่มเอ่ยกับซองยอลกระชับคนในวงแขนให้แนบแน่นขึ้น ซองยอลซบหน้าลงกับหน้าอกของคนตรงตรงหน้าใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข

 

ภาพนั้นเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่ภาพใหม่เริ่มซ้อนทับขึ้นมาอีกภาพ และกระจ่างชัดขึ้นมาแทนที่ ซองยอลกำลังเดินเข้ามาภายในซอยบ้าน ร่างบางพยายามก้าวท้าวให้ยาวขึ้นเพื่อให้ไปถึงตัวบ้านให้เร็วที่สุด เสียงฝีเท้าหนึ่งกำลังก้าวเท้าตามซองยอลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซองยอลเริ่มรู้สึกกลัวและไม่กล้าแม้จะหันกลับไปมอง ร่างบางทำเพียงสาวเท้าก้าวเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นจนประชิดร่างซองยอลจากทางด้านหลังมือหนาทั้งสองรวบร่างของซองยอลเอาไว้แน่นหนาจนซองยอลขยับหนีไม่ได้แม้แต่น้อย



" อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว "  ซองยอลละล่ำละลักด้วยความกลัว

ร่างด้านหลังที่กำลังกักขังร่างบางไว้โน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงดุๆ

 

" ก็น่ารักขนาดนี้ ไม่ปล้ำก็เสียดายแย่สิ "

 

ซองยอลชะงักไปกับเสียงที่แสนคุ้นหูนั้น ร่างสูงด้านหลังปล่อยร่างของซองยอลให้เป็นอิสระก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ซองยอลหันกลับมามองคนด้านหลังเมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร ร่างบางก็ฟาดมือเรียวใส่เขาไปสองสามทีติดกัน

 

" จะบ้าหรอ เล่นอะไรเนี่ย ตกใจแทบตาย "

 

" โอ๋ๆขวัญเอ๋ยขวัญมา "  ร่างสูงยิ้มให้เอื้อมมือมาลูบผมสีน้ำตาลของคนร่างบางอย่างปลอบโยน

" ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย"  ซองยอลหน้ามุ่ยด้วยความงอนที่ถูกแกล้ง

 

" ขอโทษที่ทำให้กลัว จะไม่ทำอีกแล้ว " ร่างสูงอ้อน ซองยอลพยักหน้ารับรู้

 

" วันหลังถ้ากลับบ้านดึกต้องบอกฉันนะ ฉันจะมาส่ง มันอันตราย "

 

ภาพเมื่อครู่จางหายไปก่อนภาพใหม่เริ่มชัดขึ้นๆซ้อนทับภาพเดิมอีกครั้ง ซองยอลกำลังเดินแกมวิ่งออกมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร่างบางสาวเท้ายาวๆอย่างรวดเร็ว โดยมีชายหนุ่มร่างสูงวิ่งตามมาแล้วดึงแขนเรียวให้หยุดไว้

 

" ซองยอล......ฟังฉันก่อนได้ไหม" ร่างสูงเอ่ยกับเขา

 

“ ไม่ !!! ปล่อยฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องฟังอะไรอีกแล้ว ”

ซองยอลพยายามสะบัดแขนเรียวออกจากการเกาะกุม ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำตาคลอที่หางตา

 

" ซองยอล...ฉันรักนายคนเดียว ฉันกับซองจง เราไม่ได้มีอะไรกัน”

 

“ ไม่มีอะไรงั้นหรอ นายให้เขาไปอยู่ด้วยที่คอนโดนาย ดูแลเขาทุกอย่าง แล้วก็มากอดกันกลมกลางร้านอาหารทั้งๆที่ผิดนัดฉันนะหรอ นี่หรอ ไม่มีอะไรกัน”

ซองยอลเริ่มเสียงดังด้วยความโกรธ น้ำตาไหลอาบใบหน้าสวยด้วยความเจ็บปวด

 

“ เรื่องคอนโด ฉันก็บอกนายแล้วไงซองยอลว่าซองจงกำลังลำบากเขาไม่มีที่ไป “

 

“ อ๋อ คงลำบากมากเลยสินะ ถึงต้องมากอดกับแฟนคนอื่นกลางร้านขนาดนั้น ”

 

“ ซองจงเขาทะเลาะกับแฟนเขา เขาร้องไห้ ฉันก็เลย....”  ร่างสูงพยายามอธิบายให้ฟัง

 

“ ก็เลยกอดปลอบ เหอะ !!! ปลอบกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ ปลอบถึงเตียงเลยไหม”

ซองยอลพูดด้วยอารมณ์โมโห

 

“ ซองยอล !!! ทำไมนายถึงได้งี่เง่าไม่มีเหตุผลขนาดนี้” ร่างสูงเริ่มโกรธ เสียงเริ่มดังขึ้น

 

“ ใช่ ฉันมันงี่เง่าไม่มีเหตุผล ถ้าอย่างงั้น จะทนคบคนอย่างฉันทำไมล่ะ งั้นเราก็เลิกกันเถอะ”

ซองยอลเอ่ยออกมาด้วยความโมโห

 

“ เลิกกัน นี่นายพูดคำนี้ออกมาง่ายๆเลยหรอ ที่ผ่านมาระหว่างเรามันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม”

ร่างสูงเอ่ยด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสั่นไหวกับคำพูดที่ได้ยิน ซองยอลสบตาร่างสูงแม้จะหวั่นไหวกับสายตาและคำพูดนั้น แต่ด้วยทิฐิและความโกรธที่ยังคุกรุ่นอยู่ในใจซองยอลจึงเอ่ยคำตัดรอนไปอีกครั้ง

 

“ ก็แค่เลิกกัน ในเมื่อเราเดินต่อไปด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เราก็จบกันแค่นี้เถอะ ปล่อยฉัน”

ซองยอลเอ่ยพยายามสะบัดแขนตัวเองอีกครั้ง แต่ร่างสูงไม่ยินยอมกลับคว้าร่างบางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด

"ซองยอล..............อย่าทำแบบนี้ ขอร้อง......."

 

" ซองยอล............เราอย่าเลิกกันเลยนะ"

 

" ปล่อยฉัน ปล่อย "

ซองยอลดิ้นอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง แม้จะดิ้นด้วยเรี่ยวแรงที่มีมากแค่ไหน ร่างสูงก็ยังคงกอดร่างบางไว้แนบแน่นไม่ยอมปล่อย

 

" ฉันรักนายนะ รักนายคนเดียว ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย "

ร่างสูงเอ่ยเสียงสั่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบหน้า

 

" แต่ฉัน.....ไม่ได้รักนายอีกแล้ว ตอนนี้ วินาทีนี้ ความรู้สึกฉันมีแต่ความเกลียด เกลียด นายได้ยินไหม !!!! "

 

ซองยอลเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดตรงข้ามกับสิ่งที่ได้เอ่ยออกไป ไม่รู้ว่าทำไม ซองยอลถึงได้กล้าเอ่ยคำพูดนั้นออกมา อาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องการให้คนตรงหน้าได้เจ็บปวดบ้างเหมือนที่เขากำลังรู้สึกในตอนนี้ ร่างสูงนิ่งอึ้งกับคำตอบที่เขาได้รับ ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดที่โอบร่างบางเอาไว้ มือสองข้างตกลงแนบตัว ร่างชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะกับคำพูดคำนั้น

 

ซองยอลได้โอกาสนั้น หมุนตัวเดินหนีออกไปทันที ก่อนจะสาวเท้าเรียวข้ามถนนในทันที ด้วยอารมณ์ที่อยากจะหนีร่างสูงออกไปให้ไกลมากที่สุด ซองยอลจึงข้ามถนนโดยไม่มองรถอย่างรอบคอบ เมื่อร่างบางก้าวข้ามไปจนเกือบถึงกลางถนน ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ร่างสุงที่วิ่งตามซองยอลมาติดๆมองเห็นรถคันนั้น เขาตะโกนเรียกซองยอลเสียงดังลั่น

 

"ซองยอล ระวัง !!!!! "

 

ซองยอลหันมองมาเห็นรถยนต์กำลังพุ่งเข้าหาตนเองแค่เพียงระยะห่างไม่มากก่อนที่รถยนต์จะพุ่งชนร่างเขา ร่างสูงก็วิ่งเข้ามาผลักซองยอลให้พ้นทาง

 

" ซองยอล !!!!"

 

ซองยอลเซไปตามแรงผลักล้มลงไปกับพื้นพ้นจากรัศมีของรถยนต์คันนั้นไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ร่างสูงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ร่างของเขาถูกรถยนต์คันนั้นพุ่งเข้าชนอย่างจังจนร่างลอยเคว้งขึ้นสูงก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นถนน ซองยอลช็อกกับภาพที่เห็นร่างบางวิ่งเข้าไปหาร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดทันทีแล้วประคองเขาไว้กับอ้อมกอดตัวเอง

 

"ซอง......ยอล นายย......มะ...ไม่เป็นไร....ชะ...ไหม "

ร่างสูงพยายามเอ่ยปากพูดกระท่อนกระแท่น

 

" ฉันไม่เป็นอะไร นายทำแบบนี้ทำไม ทำไม !!! " ซองยอลร้องไห้โฮราวจะขาดใจ

 

" เรา....อย่าเลิกกัน....เล...เลยนะ ซอง...ยอล.............ฉันขอโทษ ฉันนน...รักก...นาย...คนเดียว"

 

" พอแล้ว นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว นายต้องไม่เป็นอะไร ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล"

ซองยอลร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ร่างในอ้อมกอดส่ายศีรษะให้เขา ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือที่สั่นเทาขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตาบนแก้มบางเบาๆ

 

" อย่า....อย่า...ร้องไห้ "

ร่างสูงยิ้มบางๆให้ซองยอล

 

"ซองยอล.............อย่าเกลียดฉัน ......."

 

ร่างสูงเอ่ยคำพูดนั้นเป็นคำสุดท้าย มือที่แตะอยู่ที่แก้มใสเลื่อนลงก่อนจะตกลงมาพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิทและร่างทั้งร่างหยุดแน่นิ่งไปพร้อมกับลมหายใจที่หลุดลอยไป ซองยอลกอดร่างท่วมเลือดนั้นไว้แนบกับอก เขย่าร่างนั้นไปมา น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย

 

" ไม่!!!!! นายอย่าทิ้งฉันไป........ฉันไม่โกรธนาย....ไม่เกลียดนายอีกแล้ว นายฟื้นขึ้นมาสิ !!!!! "

 

ภาพนั้นค่อยๆจางและเลือนหายไปอีกครั้ง ก่อนจะมีภาพใหม่เริ่มกระจ่างชัดเข้ามาแทนที่ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซองยอลนั่งพิงเสาอยู่ภายในงานศพ ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหนมาตั้งแต่ช่วงเช้า ดวงตาเหม่อลอยไม่รับรู้อะไรที่เกิดขึ้นรอบๆตัว ซักพักโฮวอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายรูปร่างบอบบางคนหนึ่งที่มีใบหน้าสวยราวกับผู้หญิง โฮวอนคุกเข่าลงข้างๆผู้เป็นน้องชายแล้วเอื้อมมือแตะที่ต้นแขนเบาๆ

 

" ซองยอล กินอะไรหน่อยเถอะ เราไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ "

โฮวอนกล่าวด้วยความเป็นห่วง แต่ซองยอลยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ราวกับหุ่นไม่ได้รับรู้ถึงคำพูดของโฮวอนโดยแม้แต่น้อย

 

" ขอผมอยู่กับพี่ซองยอลนะครับ "

 

ผู้ชายร่างบอบบางเอ่ยกับโฮวอน โฮวอนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะค่อยๆลุกยืนแล้วเดินออกไป ผู้ชายหน้าสวยคนนั้นขยับลงมานั่งแทนที่ของโฮวอนเมื่อครู่

 

" พี่ซองยอล ผมขอโทษ เพราะผมแท้ๆ พี่เขาถึง..... "

ร่างบอบบางเอ่ยเบาๆกับซองยอล ก่อนจะหยุดคำพูดไปพร้อมกับร้องไห้สะอื้นออกมา

 

" พี่เขารักพี่ซองยอลคนเดียวนะ เขาไม่เคยคิดอะไรกับผม ถึงแม้ผมจะรักเขาก็ตาม พี่เขาก็แค่สงสารผมที่ผมไม่มีที่ซุกหัวนอน สงสารผมที่ถูกแฟนซ้อม เขาไม่เคยนอกใจพี่เลยซักครั้ง "

 

" ผมขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะผมเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้" ร่างบอบบางกล่าวน้ำตาไหลจนนองไปทั้งใบหน้า

 

ซองยอลยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ดวงตายังคงเหม่อลอย ชายหนุ่มคนนั้นจึงหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆกล่องหนึ่งวางลงบนพื้นข้างๆร่างของซองยอล

 

" ผมไปเก็บของที่คอนโดพี่เขา ผมเจอของสิ่งนี้ พี่เขาคงเตรียมไว้ให้พี่ซองยอล "

 

ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยก่อนจะลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกมา ภาพนั้นเลือนหายไปอีกครั้งก่อนจะปรากฎภาพใหม่มาซ้อนทับแล้วก็ชัดขึ้นๆทาบทับภาพเก่า ซองยอลกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ดวงตาสวยดูว่างเปล่าไม่รับรู้อะไร ซักพักร่างบางขยับร่างก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะหัวเตียง ซองยอลค้นหาของในนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนมือเรียวจะหยิบคัตเตอร์เล่มใหญ่ขึ้นมา ดวงตาเลื่อนลอยจ้องสิ่งที่อยู่ในมือแวบนึงก่อนจะเลื่อนคมมีดออกมาแล้วจรดคมมีดนั้นลงที่ข้อมือซ้ายของตนเองกรีดย้ำซ้ำลงอยู่อย่างนั้นจนเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเอ่อเต็มที่นอนและพื้นห้อง

 

ภาพนั้นจางหายไปกลับเข้าสู่ปัจจุบัน ซองยอลยังคงนั่งอยู่ข้างกล่องภายในห้องเก็บของในบ้านหลังเก่าของเขา อาการปวดศีรษะเริ่มทุเลาลง ซองยอลกำลังตั้งสติรับกับความทรงจำของช่วงเวลาสามปีที่เคยสูญหายไปเริ่มหวนคืนกลับมา ซองยอลเริ่มรื้อของในลังไม้ใบนั้นอีกครั้ง ซองยอลก็พบแหวนเงินเกลี้ยงของตนเองและสร้อยคล้องแหวนของคนรักคนนั้นอยู่ด้วยกัน ซองยอลกำมันแน่น กลั้นกลืนความเจ็บปวดที่สะท้านอยู่ในอก ก่อนจะวางมันลงเมื่อมองเห็นกล่องใบที่เหมือนกับที่ซองจงวางไว้ให้เขาในงานศพอยู่ในก้นลังไม้นั้น ซองยอลเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมานิ้วเรียวเปิดมันออก ในนั้นมีเพียงพวงกุญแจพวงหนึ่งกับการ์ดสีขาวอีกหนึ่งใบ ซองยอลหยิบพวงกุญแจขึ้นมาดูก่อนจะวางลงไว้ในกล่องเหมือนเดิมแล้วเปลี่ยนมาหยิบการ์ดสีขาวขึ้นมาเปิดออกอ่าน ลายมือแกมหวัดแต่อ่านง่ายปรากฎแก่สายตา ซองยอลค่อยๆเริ่มอ่านมันทีละบรรทัด

 

ซองยอลที่รัก

นายคงแปลกใจว่าฉันเล่นบ้าอะไรถึงให้พวงกุญแจนายในวันครบรอบสามปีของเรา

มันคือพวงกุญแจคอนโดฉันเอง

คือฉันจะพูดยังไงดีล่ะ

ฉันก็แค่อยากจะให้นายมาอยู่กับฉัน

มาใช้ชีวิตร่วมกับฉัน

อยู่ข้างๆฉันไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามหลับ

คอยยิ้มให้ฉันเวลากลับถึงบ้าน

หรือส่งเสียงสดใสไม่ให้ฉันรู้สึกเงียบเหงา

นั่งกินข้าวที่ช่วยกันทำจนห้องครัวรกไปหมด

หรือช่วยกันทำความสะอาดบ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

บางครั้งเราอาจจะงอนกันบ้าง

แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะเป็นฝ่ายง้อนายก่อนเสมอ

ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ฉันอยากจะทำร่วมกับนายจนกว่าเราจะตายจากกัน

แต่ไม่รู้ว่านายจะตกลงไหม นายจะยอมมาใช้ชีวิตร่วมกับฉันไหม

ผู้ชายโง่ๆอย่างฉันที่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนขอให้นายมาอยู่ด้วยกัน

แต่ผู้ชายคนนี้สัญญาได้ว่าจะรักนายเพียงคนเดียวและจะรักนายตลอดไปจนวันตาย

                                                                             รัก

                                                                       คิมมยองซู

 

 

ซองยอลยืนนิ่งอยู่หน้าหลุมศพของคิมมยองซูอยู่เนิ่นนานหลังจากซองยอลกลับจากบ้านหลังเก่ากลับไปพบกับโฮวอนและบอกว่าเขาได้ความทรงจำทั้งสามปีที่สูญหายไปกลับมาแล้ว เมื่อโฮวอนได้รู้ดังนั้นเขาก็หน้าซีดเซียวและกล่าวขอโทษซองยอลไม่หยุดปาก จากที่ซองยอลแทบไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาร้องไห้ให้ได้เห็น โฮวอนกลับร้องไห้อย่างหนักด้วยความรู้สึกผิดที่ปกปิดทุกๆอย่างมาถึงสองปี คำพูดมากมายที่อัดอั้นอยู่ในใจของพี่ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อน้องชายอย่างเขายังคงก้องอยู่ในหัว และนั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ซองยอลโกรธพี่ชายของเขาไม่ลง

 

" ซองยอล พี่ขอโทษ ที่พี่ปิดบังเรา พี่ทำแบบนั้นเพราะพี่ไม่อยากเสียนายไป " โฮวอนขอโทษเขาด้วยน้ำตา

 

" วันที่พี่เห็นนายกรีดข้อมือจนเลือดนองเต็มไปหมด พี่นึกว่านายจะทิ้งพี่ไปแล้ว แต่นายก็รอดตายอย่างปาฎิหาริย์แต่กลับไม่ยอมฟื้นเป็นเดือนจนพี่แทบหมดหวัง "

 

" แต่แล้วนายก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่หายไป หมอบอกว่านายเกิดอาการช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมองเลยสั่งการไม่ให้จดจำสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดชั่วคราว "

 

 " พี่ก็เลยโกหกว่านายตกบันไดลงมาแล้วก็ย้ายนายไปอยู่ที่อื่นเพื่อไม่ให้เจอกับสภาพเก่าๆ พี่กลัวนายจะกลับมาจำได้แล้วจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง "

 

“ พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่รู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับมยองซูที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตน พี่ขอโทษนะซองยอล ขอโทษจริงๆ แต่นายต้องสัญญากับพี่นะว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก “

 

 ซองยอลนั่งลงข้างๆหลุมศพของมยองซูหลังจากได้รู้มาจากโฮวอนว่าผู้ชายที่ถูกเขาทอดทิ้งให้ไม่มีตัวตนมานานถึงสองปีรอเขาอยู่ที่ไหน ซองยอลก็ตรงมาที่นี่ในทันที มือเรียวลูบลงไปบนแผ่นหินที่สลักชื่อของเจ้าของร่างอย่างแผ่วเบาๆ

 

" มยองซู ฉันมาแล้ว ขอโทษนะที่ฉันมาหานายช้าตั้งสองปี ขอโทษนะที่ฉันลืมความทรงจำระหว่างเราไป นายคงจะเจ็บปวด อ้างว้างและโดดเดี่ยวมากใช่ไหม "

 

" ฉันมาแล้ว ฉันจะไม่ลืมนาย ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว "

 

" รอฉันนะ รอฉันก่อน เมื่อถึงเวลาฉันจะไปอยู่กับนาย "

 

 " อย่าโกรธฉันที่ฉันจะไปหานายช้า ฉันต้องมีชีวิตอยู่ ฉันยังทิ้งพี่โฮวอนไปหานายตอนนี้ไม่ได้ นายเข้าใจฉันใช่ไหม มยองซู "

 

เหมือนคนที่ถูกกล่าวถึงรับรู้ต่อคำพูดมากมายเหล่านั้น ลมวูบใหญ่พัดเข้ามาปะทะเข้ากับร่างบางของซองยอลก่อนจะหยุดนิ่งไป

 

 " ขอบใจนะคิมมยองซูที่รักฉัน "

 

Secrecy Part 2




Part 2

 
 

"ซองยอล...ซองยอล...ซองยอ........"

 

เสียงนั้น เสียงนั้นอีกแล้ว.....เสียงที่เหมือนจะแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ห่วงหา แต่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน  เสียงที่ก้องกังวานดูเยือกเย็นและอ้างว้างเดียวดาย เสียงที่เหมือนจะดังมาจากที่ไกลแสนไกลแต่กลับรู้สึกว่ากลับใกล้เหลือเกินราวกับอยู่รอบๆกาย

 

" ซองยอล สุขสันต์วันเกิดนะ นี่ของขวัญ "

ผู้ชายคนนั้นยื่นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษลายสีสวยผูกโบว์เล็กๆน่ารักไว้อย่างดีมาตรงหน้าซองยอลซองยอลพยายามมองดวงหน้าเจ้าของกล่องของขวัญนั้นแต่กลับเห็นเพียงแค่เงารางๆไม่ชัดเจน

 

" ชอบใช่ไหม ยิ้มจนแก้มป่องเลย "

เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งให้  ยิ้ม...ซองยอลสัมผัสได้ว่ามันคือรอยยิ้มแต่ทำไมนะไม่ว่าร่างบางจะพยายามเพ่งมองเจ้าของรอยยิ้มนั้นมากเท่าไรแต่ทำไมมันถึงมืดเลือนลางไปหมด

 

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ อีซองยอลที่รักของฉัน "

เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ใช่จากตรงหน้าของซองยอล  มันมาจากทางด้านหลัง ซองยอลหมุนตัวหันไปตามเสียงนั้นปรากฎร่างของผู้ชายคนเดิมยื่นตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูส่งมาให้

 

"ถึงมันจะตัวไม่ใหญ่เท่าตัวที่ร้านนั่น แต่นายต้องกอดมันทุกคืนนะ"

เสียงนั้นเอ่ยบอกร่างบางแต่มันเปลี่ยนทิศทางอีกแล้ว เสียงนั้นมาจากทางฝั่งซ้าย

 

"ซองยอล....ฉันรักนายนะ"

เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งแต่แปรเปลี่ยนไปในทิศทางฝั่งขวามือ

 

" ซองยอล...........ทำไมไม่รับสายฉัน"

 

" ซองยอล............ฟังฉันก่อนได้ไหม"

 

"ซองยอล.............อย่าเกลียดฉัน"

 

" ซองยอล.............ฉันรักนายคนเดียว"

 

"ซองยอล..............อย่าทำแบบนี้ ขอร้อง......."

 

" ซองยอล............เราอย่าเลิกกันเลยนะ"

 

" ซองยอล.............ฉันขอโทษ"

 

เสียงเดิมดังขึ้นเรื่อยๆมาจากทุกทิศทาง รอบๆตัว ซองยอลเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมที่ศีรษะด้วยความเจ็บปวดแทบจะระเบิดออกมา

 

"ซองยอล.....ซองยอ......ซองย.......ซอง.....ซอ...."

เสียงนั้นยังคงพร่ำเรียกหาแต่ชื่อของซองยอล พร้อมกับเสียงดนตรีที่เหมือนจะดังมาจากหีบเพลงหรือกล่องดนตรีอะไรซักอย่างดังแว่วมาผสมผสานกับเสียงเรียกนั้น ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวแล่นเข้าสู่โสตประสาทของซองยอลมากขึ้นๆเรื่อยๆ

 

" ซองยอล....ซองยอล "

 

" ไม่!!! ไม่!!! ไม่!!! ออกไปนะ ออกไป!!! ออกไป !!!!!!!! ฉันบอกให้ออกไป!!!!!!"

ซองยอลกรีดร้องเสียงดัง มือกุมศีรษะแน่น ส่ายหน้าไปมาด้วยความทรมาณ

 

"ซองยอล ซองยอล ใจเย็นๆ นายเป็นอะไร "

เสียงหวานเสียงหนึ่งเรียกซองยอลพร้อมกับสัมผัสที่ร่างกายของเขา แรงเขย่าเบาๆนั้นทำให้ร่างกายของซองยอลชาวูบแล้วพลันก็กลับเป็นปกติ

 

เสียงน่ากลัวสั่นประสาทเสียงนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงแรงเขย่าเบาๆนั่นกับเสียงหวานที่คุ้นเคย ซองยอลค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมา พยายามปรับสายตาก่อนจะมองเห็นร่างของคนตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น

 

" อู...ฮยอน "

 อูฮยอนหยุดแรงที่ตนเองเขย่าปลุกซองยอลลง ยิ้มให้กับซองยอลด้วยความดีใจ

 

" นายฟื้นแล้วหรอฉันตกใจแทบแย่ "

 

"ที่นี่ที่ไหน"ซองยอลเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆห้องแล้วไม่รู้สึกคุ้นเคย

 

"โรงพยาบาล นายเกือบถูกรถชนแล้วสลบไป "

อูฮยอนตอบ ซองยอลพยายามทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ใช่เขาเกือบถูกรถชน แต่ภาพพวกนั้น ภาพน่ากลัวพวกนั้น...มันคืออะไรกันแน่

 

"เมื่อกี้ฝันร้ายหรอ อาการนายน่ากลัวชะมัด ฉันเรียกนาย ปลุกนายเท่าไรก็ไม่ตื่น"

ฝันร้าย ใช่ฝันร้าย ภาพความฝันที่ซองยอลไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนั้น เสียงนั้น เขาคือใครกัน แล้วเกี่ยวพันอะไรกับตัวเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

 

"ซองยอล"อูฮยอนเรียกร่างบางเมื่อเห็นซองยอลนิ่งเงียบไป

 

"อูฮยอน นายว่าความฝันของคนเรามันจะกลายเป็นเรื่องจริงได้ไหม"ซองยอลเอ่ยถามขึ้นมา

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ซองยอลนั่งเหม่อลอยออกไปนอกกระจกรถ ร่างบางได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว โฮวอนเป็นผู้มารับเขาโดยเป็นคนขับรถพาซองยอลไปส่งที่บ้าน ซองยอลครุ่นคิดคำพูดของอูฮยอนที่กล่าวกับเขาหลังจากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง

 

"ฉันว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง ทั้งคนที่เดินตามนาย ทั้งภาพที่เกิดขึ้นตอนรถชน ทั้งความฝัน ทั้งหมดมันต้องเกี่ยวพันกับแน่ๆ"

 

"พี่โฮวอนพี่ชายนายก็ดูแปลกๆนะ ตอนที่ฉันเล่าเรื่องอาการนายให้เขาฟัง เขาดูไม่แปลกใจเลย  ผิดกับฉันที่ตกใจแทบตาย"

 

ซองยอลลอบมองโฮวอนที่กำลังสนใจกับท้องถนนเบื้องหน้า คำพูดของอูฮยอนก็ฟังดูมีเหตุผล ซองยอลเองก็สัมผัสมันได้ว่าโฮวอนผู้เป็นพี่ชายเหมือนมีอะไรบางอย่างปกปิดเขาอยู่

 

"พี่โฮวอนครับ"ซองยอลตัดสินใจเอ่ยขึ้น หลังจากนิ่งเงียบมาตลอดทาง

 

"หืม...ว่าไง ซองยอล"

โฮวอนหันมาถามผู้เป็นน้องชาย

 

" ช่วงเวลาสามปีก่อนที่ผมจะตกบันไดลงมา ผมเคยมีคนรักไหมครับ"

โฮวอนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ดวงตามีแววตกใจกับคำถามนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว แต่ซองยอลก็ยังจับสังเกตกับความผิดปกตินั้นได้

 

" ไม่มีนิ ช่วงนั้นเรามัวแต่ทำงานพี่ไม่เห็นเราจะสนใจใครเลย ทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ"

 

" อ๋อ เปล่าหรอกครับ ถามดูเฉยๆ ก็ผมจำอะไรก่อนเกิดเรื่องไม่ได้ตั้งสามปี ก็เลยอยากรู้"

 

" ก็ไม่มีอะไร ก็อย่างที่บอกตอนนั้นซองยอลทำงานออฟฟิต เราบ้างานจะตาย วันๆนึงชีวิตก็มีแค่ออฟฟิตกับบ้านเท่านั้น "

โฮวอนเอ่ยซองยอลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน

 

เมื่อสองปีก่อน ซองยอลตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของโรงพยาบาลพร้อมกับความทรงจำที่หายไปบางส่วน โฮวอนบอกว่าซองยอลทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทำให้พลัดตกบันไดลงมาก่อนจะสลบไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม หมอวินิจฉัยว่าศีรษะของซองยอลได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองตอนกระแทกกับบันไดทำให้เขาไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นสามปีก่อนหน้านั้นได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว โฮวอนก็พาซองยอลย้ายมาอยู่ที่แถบย่านชานเมืองโดยอ้างเหตุผลกับซองยอลว่าหมอเจ้าของไข้เป็นผู้แนะนำ ซองยอลจะได้รับอากาศที่บริสุทธ์และบรรยากาศที่ไม่วุ่นวายเพื่อเอื้อต่อการฟื้นความทรงจำ

 

ซองยอลพยายามที่จะรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองด้วยการถามเรื่องราวต่างๆในช่วงเวลาสามปีที่เขาลืมมันไปกับโฮวอน แต่โฮวอนกลับบ่ายเบี่ยงและให้เหตุผลว่าไม่ควรจะรีบเร่งมากนักเพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของซองยอล นานวันเข้าซองยอลก็ล้มเลิกที่จะเซ้าซี้โฮวอนแต่ด้วยความเหงาประกอบกับโฮวอนต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซองยอลจึงตัดสินใจหางานทำมาหลายที่จนสุดท้ายก็เข้าทำงานที่ร้านหนังสือร้านนั้นจนได้รู้จักกับอูฮยอน นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาใจซองยอลมาตลอด ซองยอลยกข้อมือเรียวข้างซ้ายของตนขึ้นมาดู เผยให้เห็นรอยแผลเป็นกรีดเป็นเส้นยาวหลายๆเส้นบนข้อมือเรียวนั้น

 

" ก่อนเกิดเรื่อง ซองยอลโดนกระจกบาดนะ เย็บไปหลายเข็มเหมือนกันนะ "

โฮวอนเคยตอบคำถามซองยอลไว้ตามนั้น

 

ซองยอลเคยแอบสงสัยรอยแผลเป็นนั่นเพราะอูฮยอนก็เคยทักเขาเกี่ยวกับแผลนั้น

 

" ซองยอล ข้อมือนายไปโดนอะไรมานะ แผลเป็นน่ากลัวจัง "

 

" กระจกบาดนะ "

 อูฮยอนคว้าข้อมือเรียวของเพื่อนร่วมงานมาพิจพินิจดูอย่างละเอียด

 

" กระจกหรอ แปลกจัง ทำไมแผลมันหลายแผลแบบนี้ล่ะ ยังกับตั้งใจเอามีดมากรีดย้ำหลายๆแผลแหนะ"

 

"ฉันจะไปกรีดข้อมือตัวเองทำไมล่ะ เจ็บตายเลย " ซองยอลตอบอูฮยอนไปแบบนั้นโดยไม่คิดอะไร

 

" นั่นสิเนอะ ถ้าทำแบบนั้นนะ นี่กะฆ่าตัวตายชัดๆเลย กรีดรัวขนาดนั้นถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต "

 

คำพูดของอูฮยอนก้องอยู่ในหัว ฆ่าตัวตายหรอ?เป็นไปได้ไหมว่าเขาเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แล้วเขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน สาเหตุคืออะไร ทำไมเขาถึงได้ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกได้ขนาดนั้น คิดแล้วซองยอลก็หันมาทางโฮวอน ร่างบางขยับปากจะเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย แต่ก็หยุดไว้แค่นั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคงเปล่าประโยชน์เพราะโฮวอนก็คงจะให้คำตอบแก่เขาเหมือนเดิมเช่นที่เคยทำ

 

วันรุ่งขึ้นซองยอลรอให้โฮวอนออกไปทำธุระข้างนอกก่อน หลังจากนั้นร่างบางก็ออกค้นหาทุกๆที่ภายในบ้านเผื่อบางทีอาจจะมีสิ่งของหรือข้อมูลอะไรบางอย่างที่นำไปสู่ความลับในเรื่องนี้ ซองยอลเริ่มจากค้นหาภายในชั้นล่างก่อนแต่หาเท่าไรก็ไม่เจออะไรที่จะเกี่ยวข้องกับตัวเขา

 

" งั้นก็เหลือแค่ห้องพี่โฮวอน"

 

ซองยอลขึ้นไปยังชั้นบนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของโฮวอน แม้จะเคยเข้ามาในห้องนี้อยู่บ่อยครั้งแต่ซองยอลก็ไม่เคยเห็นอะไรที่ผิดปกติ แต่ด้วยความอยากรู้ที่ล้นอยู่ในอกซองยอลจึงลงมือค้นหาทุกซอกทุกมุมภายในห้องนั้นแต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไร ซองยอลนั่งลงบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน สายตามองไปรอบๆห้องอีกครั้งว่ายังมีจุดไหนที่เขายังไม่ได้ค้นหา สายตาคู่สวยสะดุดกับกรอบรูปถ่ายคู่ระหว่างเขากับโฮวอนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน รูปใบนั้นถูกถ่ายมาเมื่อหลายปีก่อนฉากหลังของรูปคือหน้าบ้านหลังเก่าที่ซองยอลและพี่ชายเคยอาศัยอยู่ก่อนจะย้ายมา ใช่แล้ว บ้านหลังเก่า ซองยอลเชื่อว่าที่บ้านเก่าหลังนั้นอาจมีข้อมูลอะไรบางอย่างหลงเหลืออยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้น ซองยอลก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาโฮวอนทันที

 

“ พี่โฮวอนหรอครับ ผมซองยอลนะ ผมจะไปหาอูฮยอน คงกลับค่ำๆนะ “

ซองยอลกรอกเสียงบอกกับทางปลายสาย หลังจากคุยกันอีกสองสามประโยค ซองยอลก็วางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้านทันที ร่างบางนั่งรถโดยสารเข้าสู่ตัวเมืองตรงดิ่งไปที่บ้านเก่าของตนเองทันที

 

บ้านเก่าของซองยอลอยู่ในตัวเมือง เป็นบ้านของพ่อและแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ขณะนี้บ้านถูกปิดตาย นานๆครั้งจึงจะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดตามคำสั่งของโฮวอน ซองยอลคว้ากุญแจที่แอบหยิบติดมือมาด้วยไขเข้าไปในบ้าน ภายในตัวบ้านเฟอร์นิเจอร์ยังคงตั้งอยู่ครบทุกชิ้น อาจจะมีฝุ่นติดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกอะไรมากมายบ่งบอกถึงการทำความสะอาดที่ดีเยี่ยมซองยอลเริ่มต้นค้นหาทุกส่วนของชั้นล่างแต่ก็ไม่พบอะไรก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนออกค้นหาดุทุกห้องสุดท้ายก็ได้คำตอบเดียวกันนั่นก็คือไม่พบอะไร ซองยอลเดินลงบันไดมาสู่ชั้นล่างเหมือนเดิม ร่างบางรู้สึกเคว้งคว้างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาด้วยความท้อแท้ทั้งๆที่เขาอุตสาห์เดินทางมาหาเบาะแสถึงที่นี่แล้วเขากลับไม่พบอะไรซักอย่าง หรือว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่แรก แต่อาจจะเป็นตัวเขาเองที่อาจกำลังป่วยร่างบางคิดเช่นนั้น ป่วยกับการเห็นภาพหลอนที่ตัวเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง หรือที่เรียกว่าเกิดอาการทางจิต

 

“ นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าใช่ไหม “

ซองยอลพึมพำกับตัวเอง ฟุบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองด้วยอารมณ์ที่สับสน หลังจากนิ่งอยู่ในท่านั้นได้ซักพัก พลันซองยอลก็นึกอะไรขึ้นมาได้

 

“ ห้องเก็บของ ใช่สิ ห้องเก็บของฉันยังไม่ได้ดูเลย “

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซองยอลก็ลุกจากโซฟาในทันที สองขาเรียวก้าวไปยังห้องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน เมื่อมาหยุดที่หน้าห้องซองยอลคว้ากุญแจในมือมาไขแต่ไม่ว่าจะไขซักกี่ลูกก็ไม่สามารถเปิดออกได้ ซองยอลรู้สึกหงุดหงิดเขาทุบประตูห้องเก็บของด้วยความโมโห พลันกุญแจลูกหนึ่งที่ซ่อนอยู่บนขอบประตูก็ตกลงมาเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงของซองยอล ซองยอลก้มเก็บกุญแจลูกนั้นขึ้นมาแล้วลองไขประตูนั้นจนเปิดประตูเข้าไปในห้องได้สำเร็จ

 

ภายในห้องเต็มไปด้วยสิ่งของสารพัดอย่างวางอยู่อย่างระเกะระกะ ฝุ่นเกาะเต็มไปหมดแตกต่างจากส่วนอื่นๆของตัวบ้าน แสดงว่าห้องนี้ได้รับคำสั่งยกเว้นในการทำความสะอาด ซองยอลหยิบจับสิ่งของในห้องดูทีละอันสลับกับการโบกมือไล่ฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนเกือบหมดห้อง

 

“ ไม่เห็นมีอะไรเลย สงสัยคงต้องกลับ “

 

ซองยอลบ่นกับตัวเอง มือนึงก็โบกไปมาไล่ฝุ่น ส่วนอีกมือก็วางลูกเทนนิสในมือลงบนโต๊ะ ด้วยเพราะลูกเทนนิสมีลักษณะกลมมันจึงกลิ้งลงจากโต๊ะลงสู่พื้นห้องแล้วกลิ้งหายไปใต้โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่มุมด้านในสุดของตัวห้อง ซองยอลขยับก้าวไปที่โต๊ะตัวนั้นก่อนจะย่อตัวลงแล้วเอื้อมมือเข้าไปควานหาลูกเทนนิสลูกนั้นแต่มือเรียวกลับสัมผัสเข้ากับบางสิ่ง ซองยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะก้มลงไปมองใต้นั้นก็พบลังไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปวางอยู่ใต้โต๊ะตัวนั้น ซองยอลเอื้อมสองมือเข้าไปลากลังไม้นั้นออกมา มือเรียวเอื้อมเปิดฝาของลังนั้นด้วยความสงสัย พลันก็ปรากฎของหลายๆอย่างอัดแน่นอยู่ในลังไม้ลังนั้น

 

ซองยอลหยิบของต่างๆในนั้นขึ้นมาดู มีทั้งหนังสือ สมุด แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เครื่องเล่น MP3 โปสเตอร์หนัง โมเดลของเล่น ของตั้งโชว์บนโต๊ะ และสิ่งของอื่นๆอีกมากมาย ซองยอลหยิบของในลังออกมาเรื่อยๆมือเรียวชะงักกึกเมื่อเห็นของชิ้นต่อไปที่กำลังจะหยิบขึ้นมา กล่องของขวัญกล่องเล็กที่ห่อด้วยกระดาษสีสวย มีโบว์เล็กๆผูกอยู่ เหมือน....กล่องใบนั้นเหมือนตามที่ฝัน ซองยอลเอื้อมมือเรียวที่เริ่มสั่นหยิบกล่องของขวัญใบนั้นขึ้นมา ด้านล่างกล่องมีรอยแกะเล็กน้อยบ่งบอกถึงคนที่แกะของขวัญชิ้นนี้หวงแหนมันมากเช่นไร ซองยอลค่อยๆแกะกล่องของขวัญนั้นออก ข้างในเป็นหีบเพลงไม้สีดำร่างบางกลั้นใจเปิดหีบเพลงนั้นออกข้างในหีบเพลงมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆอยู่ในนั้นสองตัว ตัวนึงเป็นผู้ชาย อีกตัวนึงเป็นผู้หญิง แต่นั่นไม่ทำให้ซองยอลช็อกเท่ากับเสียงเพลงที่ดังออกมาจากหีบนั้น เสียงเพลงนี้....มันคือเพลงเดียวกับที่ซองยอลได้ยินในฝัน ซองยอลวางหีบเพลงนั้นลงบนพื้นด้วยมือที่สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เหงื่อชื้นเริ่มออกตามใบหน้า ซองยอลเม้มปากแน่นก่อนจะค้นของในลังนั้นต่อ แล้วดวงตาของซองยอลก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพบตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูอยู่เกือบก้นลังนั้น ซองยอลเอื้อมมือที่สั่นไม่หยุดไปหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ เหมือน...เหมือนอีกแล้ว ตุ๊กตาตัวนี้เหมือนในฝันของเขาอีกแล้ว

 

ซองยอลวางตุ๊กตาลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างบางหยุดนิ่งหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะเนื่องด้วยสมองในตอนนี้กำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมของพวกนี้ถึงได้เหมือนภาพในความฝันนั้นนักนะ ซองยอลครุ่นคิดอย่างสับสนและงุนงง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ ถ้าของพวกนี้เหมือนในฝัน แล.....แล้ว ผู้ชายคนนั้นล่ะมีจริงด้วยไหม “

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นซองยอลก็หันไปรื้อค้นของในลังนั้นต่อก่อนจะพบรูปจำนวนหลายใบในซองๆหนึ่ง ซองยอลหยิบรูปพวกนั้นออกมาดูทีละรูปๆ รูปแต่ละใบเป็นรูปถ่ายของซองยอลในหลายๆอิริยาบถมีทั้งที่เป็นแบบแอบถ่ายและซองยอลเต็มใจให้ถ่าย ซองยอลหยิบดูรูปนั้นไปเรื่อยๆมีทั้งรูปตอนซองยอลอ่านหนังสือ ไปเที่ยว ดูทีวี หรือแม้กระทั่งยามนอน หลากหลายและหลายมุม ซองยอลหยิบดูไปเรื่อยๆก่อนจะนิ่งงันไปอีกครั้งเมื่อร่างบางเปิดมาเจอรูปของตัวเองกำลังโอบตุ๊กตาหมีอยู่และนั่งอยู่บนม้านั่งสีขาว มือเรียวเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ รูปนี้มัน.....เหมือน...กับ....ภาพที่เห็นตอนรถชน”

 

“ รูปเซลก้าล่ะ รูปเซลก้า หน้าของผู้ชายคนนั้น”

 

ซองยอลละล่ำละลักกับตัวเอง มือเรียวที่สั่นอยู่ตลอดเวลาพลิกดูรูปใบต่อไปอย่างรวดเร็วจนถึงใบสุดท้าย ภาพใบสุดท้ายปรากฎต่อสายตา ภาพที่มีซองยอลนั่งอยู่ทางฝั่งขวาของตุ๊กตาหมีกำลังยิ้มสดใสมาทางกล้อง ส่วนทางฝั่งซ้ายของตุ๊กตาหมีเป็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยิ้มแย้มให้กับกล้องเช่นกัน ซองยอลจ้องภาพนั้นก่อนจะนิ่งอยู่นาน มือที่ถือรูปใบนั้นยังคงสั่นไม่ยอมหยุด น้ำตาใสเริ่มรินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างหยุดไม่ได้ ร่างกายเริ่มสั่นสะอื้นอย่างควบคุมความรู้สึกไม่อยู่อีกต่อไป