วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

Secrecy Part 2




Part 2

 
 

"ซองยอล...ซองยอล...ซองยอ........"

 

เสียงนั้น เสียงนั้นอีกแล้ว.....เสียงที่เหมือนจะแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ห่วงหา แต่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน  เสียงที่ก้องกังวานดูเยือกเย็นและอ้างว้างเดียวดาย เสียงที่เหมือนจะดังมาจากที่ไกลแสนไกลแต่กลับรู้สึกว่ากลับใกล้เหลือเกินราวกับอยู่รอบๆกาย

 

" ซองยอล สุขสันต์วันเกิดนะ นี่ของขวัญ "

ผู้ชายคนนั้นยื่นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษลายสีสวยผูกโบว์เล็กๆน่ารักไว้อย่างดีมาตรงหน้าซองยอลซองยอลพยายามมองดวงหน้าเจ้าของกล่องของขวัญนั้นแต่กลับเห็นเพียงแค่เงารางๆไม่ชัดเจน

 

" ชอบใช่ไหม ยิ้มจนแก้มป่องเลย "

เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งให้  ยิ้ม...ซองยอลสัมผัสได้ว่ามันคือรอยยิ้มแต่ทำไมนะไม่ว่าร่างบางจะพยายามเพ่งมองเจ้าของรอยยิ้มนั้นมากเท่าไรแต่ทำไมมันถึงมืดเลือนลางไปหมด

 

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ อีซองยอลที่รักของฉัน "

เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ใช่จากตรงหน้าของซองยอล  มันมาจากทางด้านหลัง ซองยอลหมุนตัวหันไปตามเสียงนั้นปรากฎร่างของผู้ชายคนเดิมยื่นตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูส่งมาให้

 

"ถึงมันจะตัวไม่ใหญ่เท่าตัวที่ร้านนั่น แต่นายต้องกอดมันทุกคืนนะ"

เสียงนั้นเอ่ยบอกร่างบางแต่มันเปลี่ยนทิศทางอีกแล้ว เสียงนั้นมาจากทางฝั่งซ้าย

 

"ซองยอล....ฉันรักนายนะ"

เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งแต่แปรเปลี่ยนไปในทิศทางฝั่งขวามือ

 

" ซองยอล...........ทำไมไม่รับสายฉัน"

 

" ซองยอล............ฟังฉันก่อนได้ไหม"

 

"ซองยอล.............อย่าเกลียดฉัน"

 

" ซองยอล.............ฉันรักนายคนเดียว"

 

"ซองยอล..............อย่าทำแบบนี้ ขอร้อง......."

 

" ซองยอล............เราอย่าเลิกกันเลยนะ"

 

" ซองยอล.............ฉันขอโทษ"

 

เสียงเดิมดังขึ้นเรื่อยๆมาจากทุกทิศทาง รอบๆตัว ซองยอลเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมที่ศีรษะด้วยความเจ็บปวดแทบจะระเบิดออกมา

 

"ซองยอล.....ซองยอ......ซองย.......ซอง.....ซอ...."

เสียงนั้นยังคงพร่ำเรียกหาแต่ชื่อของซองยอล พร้อมกับเสียงดนตรีที่เหมือนจะดังมาจากหีบเพลงหรือกล่องดนตรีอะไรซักอย่างดังแว่วมาผสมผสานกับเสียงเรียกนั้น ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวแล่นเข้าสู่โสตประสาทของซองยอลมากขึ้นๆเรื่อยๆ

 

" ซองยอล....ซองยอล "

 

" ไม่!!! ไม่!!! ไม่!!! ออกไปนะ ออกไป!!! ออกไป !!!!!!!! ฉันบอกให้ออกไป!!!!!!"

ซองยอลกรีดร้องเสียงดัง มือกุมศีรษะแน่น ส่ายหน้าไปมาด้วยความทรมาณ

 

"ซองยอล ซองยอล ใจเย็นๆ นายเป็นอะไร "

เสียงหวานเสียงหนึ่งเรียกซองยอลพร้อมกับสัมผัสที่ร่างกายของเขา แรงเขย่าเบาๆนั้นทำให้ร่างกายของซองยอลชาวูบแล้วพลันก็กลับเป็นปกติ

 

เสียงน่ากลัวสั่นประสาทเสียงนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงแรงเขย่าเบาๆนั่นกับเสียงหวานที่คุ้นเคย ซองยอลค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมา พยายามปรับสายตาก่อนจะมองเห็นร่างของคนตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น

 

" อู...ฮยอน "

 อูฮยอนหยุดแรงที่ตนเองเขย่าปลุกซองยอลลง ยิ้มให้กับซองยอลด้วยความดีใจ

 

" นายฟื้นแล้วหรอฉันตกใจแทบแย่ "

 

"ที่นี่ที่ไหน"ซองยอลเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆห้องแล้วไม่รู้สึกคุ้นเคย

 

"โรงพยาบาล นายเกือบถูกรถชนแล้วสลบไป "

อูฮยอนตอบ ซองยอลพยายามทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ใช่เขาเกือบถูกรถชน แต่ภาพพวกนั้น ภาพน่ากลัวพวกนั้น...มันคืออะไรกันแน่

 

"เมื่อกี้ฝันร้ายหรอ อาการนายน่ากลัวชะมัด ฉันเรียกนาย ปลุกนายเท่าไรก็ไม่ตื่น"

ฝันร้าย ใช่ฝันร้าย ภาพความฝันที่ซองยอลไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนั้น เสียงนั้น เขาคือใครกัน แล้วเกี่ยวพันอะไรกับตัวเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

 

"ซองยอล"อูฮยอนเรียกร่างบางเมื่อเห็นซองยอลนิ่งเงียบไป

 

"อูฮยอน นายว่าความฝันของคนเรามันจะกลายเป็นเรื่องจริงได้ไหม"ซองยอลเอ่ยถามขึ้นมา

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ซองยอลนั่งเหม่อลอยออกไปนอกกระจกรถ ร่างบางได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว โฮวอนเป็นผู้มารับเขาโดยเป็นคนขับรถพาซองยอลไปส่งที่บ้าน ซองยอลครุ่นคิดคำพูดของอูฮยอนที่กล่าวกับเขาหลังจากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง

 

"ฉันว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง ทั้งคนที่เดินตามนาย ทั้งภาพที่เกิดขึ้นตอนรถชน ทั้งความฝัน ทั้งหมดมันต้องเกี่ยวพันกับแน่ๆ"

 

"พี่โฮวอนพี่ชายนายก็ดูแปลกๆนะ ตอนที่ฉันเล่าเรื่องอาการนายให้เขาฟัง เขาดูไม่แปลกใจเลย  ผิดกับฉันที่ตกใจแทบตาย"

 

ซองยอลลอบมองโฮวอนที่กำลังสนใจกับท้องถนนเบื้องหน้า คำพูดของอูฮยอนก็ฟังดูมีเหตุผล ซองยอลเองก็สัมผัสมันได้ว่าโฮวอนผู้เป็นพี่ชายเหมือนมีอะไรบางอย่างปกปิดเขาอยู่

 

"พี่โฮวอนครับ"ซองยอลตัดสินใจเอ่ยขึ้น หลังจากนิ่งเงียบมาตลอดทาง

 

"หืม...ว่าไง ซองยอล"

โฮวอนหันมาถามผู้เป็นน้องชาย

 

" ช่วงเวลาสามปีก่อนที่ผมจะตกบันไดลงมา ผมเคยมีคนรักไหมครับ"

โฮวอนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ดวงตามีแววตกใจกับคำถามนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว แต่ซองยอลก็ยังจับสังเกตกับความผิดปกตินั้นได้

 

" ไม่มีนิ ช่วงนั้นเรามัวแต่ทำงานพี่ไม่เห็นเราจะสนใจใครเลย ทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ"

 

" อ๋อ เปล่าหรอกครับ ถามดูเฉยๆ ก็ผมจำอะไรก่อนเกิดเรื่องไม่ได้ตั้งสามปี ก็เลยอยากรู้"

 

" ก็ไม่มีอะไร ก็อย่างที่บอกตอนนั้นซองยอลทำงานออฟฟิต เราบ้างานจะตาย วันๆนึงชีวิตก็มีแค่ออฟฟิตกับบ้านเท่านั้น "

โฮวอนเอ่ยซองยอลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน

 

เมื่อสองปีก่อน ซองยอลตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของโรงพยาบาลพร้อมกับความทรงจำที่หายไปบางส่วน โฮวอนบอกว่าซองยอลทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทำให้พลัดตกบันไดลงมาก่อนจะสลบไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม หมอวินิจฉัยว่าศีรษะของซองยอลได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองตอนกระแทกกับบันไดทำให้เขาไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นสามปีก่อนหน้านั้นได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว โฮวอนก็พาซองยอลย้ายมาอยู่ที่แถบย่านชานเมืองโดยอ้างเหตุผลกับซองยอลว่าหมอเจ้าของไข้เป็นผู้แนะนำ ซองยอลจะได้รับอากาศที่บริสุทธ์และบรรยากาศที่ไม่วุ่นวายเพื่อเอื้อต่อการฟื้นความทรงจำ

 

ซองยอลพยายามที่จะรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองด้วยการถามเรื่องราวต่างๆในช่วงเวลาสามปีที่เขาลืมมันไปกับโฮวอน แต่โฮวอนกลับบ่ายเบี่ยงและให้เหตุผลว่าไม่ควรจะรีบเร่งมากนักเพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของซองยอล นานวันเข้าซองยอลก็ล้มเลิกที่จะเซ้าซี้โฮวอนแต่ด้วยความเหงาประกอบกับโฮวอนต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซองยอลจึงตัดสินใจหางานทำมาหลายที่จนสุดท้ายก็เข้าทำงานที่ร้านหนังสือร้านนั้นจนได้รู้จักกับอูฮยอน นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาใจซองยอลมาตลอด ซองยอลยกข้อมือเรียวข้างซ้ายของตนขึ้นมาดู เผยให้เห็นรอยแผลเป็นกรีดเป็นเส้นยาวหลายๆเส้นบนข้อมือเรียวนั้น

 

" ก่อนเกิดเรื่อง ซองยอลโดนกระจกบาดนะ เย็บไปหลายเข็มเหมือนกันนะ "

โฮวอนเคยตอบคำถามซองยอลไว้ตามนั้น

 

ซองยอลเคยแอบสงสัยรอยแผลเป็นนั่นเพราะอูฮยอนก็เคยทักเขาเกี่ยวกับแผลนั้น

 

" ซองยอล ข้อมือนายไปโดนอะไรมานะ แผลเป็นน่ากลัวจัง "

 

" กระจกบาดนะ "

 อูฮยอนคว้าข้อมือเรียวของเพื่อนร่วมงานมาพิจพินิจดูอย่างละเอียด

 

" กระจกหรอ แปลกจัง ทำไมแผลมันหลายแผลแบบนี้ล่ะ ยังกับตั้งใจเอามีดมากรีดย้ำหลายๆแผลแหนะ"

 

"ฉันจะไปกรีดข้อมือตัวเองทำไมล่ะ เจ็บตายเลย " ซองยอลตอบอูฮยอนไปแบบนั้นโดยไม่คิดอะไร

 

" นั่นสิเนอะ ถ้าทำแบบนั้นนะ นี่กะฆ่าตัวตายชัดๆเลย กรีดรัวขนาดนั้นถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต "

 

คำพูดของอูฮยอนก้องอยู่ในหัว ฆ่าตัวตายหรอ?เป็นไปได้ไหมว่าเขาเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แล้วเขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน สาเหตุคืออะไร ทำไมเขาถึงได้ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกได้ขนาดนั้น คิดแล้วซองยอลก็หันมาทางโฮวอน ร่างบางขยับปากจะเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย แต่ก็หยุดไว้แค่นั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคงเปล่าประโยชน์เพราะโฮวอนก็คงจะให้คำตอบแก่เขาเหมือนเดิมเช่นที่เคยทำ

 

วันรุ่งขึ้นซองยอลรอให้โฮวอนออกไปทำธุระข้างนอกก่อน หลังจากนั้นร่างบางก็ออกค้นหาทุกๆที่ภายในบ้านเผื่อบางทีอาจจะมีสิ่งของหรือข้อมูลอะไรบางอย่างที่นำไปสู่ความลับในเรื่องนี้ ซองยอลเริ่มจากค้นหาภายในชั้นล่างก่อนแต่หาเท่าไรก็ไม่เจออะไรที่จะเกี่ยวข้องกับตัวเขา

 

" งั้นก็เหลือแค่ห้องพี่โฮวอน"

 

ซองยอลขึ้นไปยังชั้นบนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของโฮวอน แม้จะเคยเข้ามาในห้องนี้อยู่บ่อยครั้งแต่ซองยอลก็ไม่เคยเห็นอะไรที่ผิดปกติ แต่ด้วยความอยากรู้ที่ล้นอยู่ในอกซองยอลจึงลงมือค้นหาทุกซอกทุกมุมภายในห้องนั้นแต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไร ซองยอลนั่งลงบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน สายตามองไปรอบๆห้องอีกครั้งว่ายังมีจุดไหนที่เขายังไม่ได้ค้นหา สายตาคู่สวยสะดุดกับกรอบรูปถ่ายคู่ระหว่างเขากับโฮวอนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน รูปใบนั้นถูกถ่ายมาเมื่อหลายปีก่อนฉากหลังของรูปคือหน้าบ้านหลังเก่าที่ซองยอลและพี่ชายเคยอาศัยอยู่ก่อนจะย้ายมา ใช่แล้ว บ้านหลังเก่า ซองยอลเชื่อว่าที่บ้านเก่าหลังนั้นอาจมีข้อมูลอะไรบางอย่างหลงเหลืออยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้น ซองยอลก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาโฮวอนทันที

 

“ พี่โฮวอนหรอครับ ผมซองยอลนะ ผมจะไปหาอูฮยอน คงกลับค่ำๆนะ “

ซองยอลกรอกเสียงบอกกับทางปลายสาย หลังจากคุยกันอีกสองสามประโยค ซองยอลก็วางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้านทันที ร่างบางนั่งรถโดยสารเข้าสู่ตัวเมืองตรงดิ่งไปที่บ้านเก่าของตนเองทันที

 

บ้านเก่าของซองยอลอยู่ในตัวเมือง เป็นบ้านของพ่อและแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ขณะนี้บ้านถูกปิดตาย นานๆครั้งจึงจะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดตามคำสั่งของโฮวอน ซองยอลคว้ากุญแจที่แอบหยิบติดมือมาด้วยไขเข้าไปในบ้าน ภายในตัวบ้านเฟอร์นิเจอร์ยังคงตั้งอยู่ครบทุกชิ้น อาจจะมีฝุ่นติดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกอะไรมากมายบ่งบอกถึงการทำความสะอาดที่ดีเยี่ยมซองยอลเริ่มต้นค้นหาทุกส่วนของชั้นล่างแต่ก็ไม่พบอะไรก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนออกค้นหาดุทุกห้องสุดท้ายก็ได้คำตอบเดียวกันนั่นก็คือไม่พบอะไร ซองยอลเดินลงบันไดมาสู่ชั้นล่างเหมือนเดิม ร่างบางรู้สึกเคว้งคว้างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาด้วยความท้อแท้ทั้งๆที่เขาอุตสาห์เดินทางมาหาเบาะแสถึงที่นี่แล้วเขากลับไม่พบอะไรซักอย่าง หรือว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่แรก แต่อาจจะเป็นตัวเขาเองที่อาจกำลังป่วยร่างบางคิดเช่นนั้น ป่วยกับการเห็นภาพหลอนที่ตัวเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง หรือที่เรียกว่าเกิดอาการทางจิต

 

“ นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าใช่ไหม “

ซองยอลพึมพำกับตัวเอง ฟุบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองด้วยอารมณ์ที่สับสน หลังจากนิ่งอยู่ในท่านั้นได้ซักพัก พลันซองยอลก็นึกอะไรขึ้นมาได้

 

“ ห้องเก็บของ ใช่สิ ห้องเก็บของฉันยังไม่ได้ดูเลย “

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซองยอลก็ลุกจากโซฟาในทันที สองขาเรียวก้าวไปยังห้องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน เมื่อมาหยุดที่หน้าห้องซองยอลคว้ากุญแจในมือมาไขแต่ไม่ว่าจะไขซักกี่ลูกก็ไม่สามารถเปิดออกได้ ซองยอลรู้สึกหงุดหงิดเขาทุบประตูห้องเก็บของด้วยความโมโห พลันกุญแจลูกหนึ่งที่ซ่อนอยู่บนขอบประตูก็ตกลงมาเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงของซองยอล ซองยอลก้มเก็บกุญแจลูกนั้นขึ้นมาแล้วลองไขประตูนั้นจนเปิดประตูเข้าไปในห้องได้สำเร็จ

 

ภายในห้องเต็มไปด้วยสิ่งของสารพัดอย่างวางอยู่อย่างระเกะระกะ ฝุ่นเกาะเต็มไปหมดแตกต่างจากส่วนอื่นๆของตัวบ้าน แสดงว่าห้องนี้ได้รับคำสั่งยกเว้นในการทำความสะอาด ซองยอลหยิบจับสิ่งของในห้องดูทีละอันสลับกับการโบกมือไล่ฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนเกือบหมดห้อง

 

“ ไม่เห็นมีอะไรเลย สงสัยคงต้องกลับ “

 

ซองยอลบ่นกับตัวเอง มือนึงก็โบกไปมาไล่ฝุ่น ส่วนอีกมือก็วางลูกเทนนิสในมือลงบนโต๊ะ ด้วยเพราะลูกเทนนิสมีลักษณะกลมมันจึงกลิ้งลงจากโต๊ะลงสู่พื้นห้องแล้วกลิ้งหายไปใต้โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่มุมด้านในสุดของตัวห้อง ซองยอลขยับก้าวไปที่โต๊ะตัวนั้นก่อนจะย่อตัวลงแล้วเอื้อมมือเข้าไปควานหาลูกเทนนิสลูกนั้นแต่มือเรียวกลับสัมผัสเข้ากับบางสิ่ง ซองยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะก้มลงไปมองใต้นั้นก็พบลังไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปวางอยู่ใต้โต๊ะตัวนั้น ซองยอลเอื้อมสองมือเข้าไปลากลังไม้นั้นออกมา มือเรียวเอื้อมเปิดฝาของลังนั้นด้วยความสงสัย พลันก็ปรากฎของหลายๆอย่างอัดแน่นอยู่ในลังไม้ลังนั้น

 

ซองยอลหยิบของต่างๆในนั้นขึ้นมาดู มีทั้งหนังสือ สมุด แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เครื่องเล่น MP3 โปสเตอร์หนัง โมเดลของเล่น ของตั้งโชว์บนโต๊ะ และสิ่งของอื่นๆอีกมากมาย ซองยอลหยิบของในลังออกมาเรื่อยๆมือเรียวชะงักกึกเมื่อเห็นของชิ้นต่อไปที่กำลังจะหยิบขึ้นมา กล่องของขวัญกล่องเล็กที่ห่อด้วยกระดาษสีสวย มีโบว์เล็กๆผูกอยู่ เหมือน....กล่องใบนั้นเหมือนตามที่ฝัน ซองยอลเอื้อมมือเรียวที่เริ่มสั่นหยิบกล่องของขวัญใบนั้นขึ้นมา ด้านล่างกล่องมีรอยแกะเล็กน้อยบ่งบอกถึงคนที่แกะของขวัญชิ้นนี้หวงแหนมันมากเช่นไร ซองยอลค่อยๆแกะกล่องของขวัญนั้นออก ข้างในเป็นหีบเพลงไม้สีดำร่างบางกลั้นใจเปิดหีบเพลงนั้นออกข้างในหีบเพลงมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆอยู่ในนั้นสองตัว ตัวนึงเป็นผู้ชาย อีกตัวนึงเป็นผู้หญิง แต่นั่นไม่ทำให้ซองยอลช็อกเท่ากับเสียงเพลงที่ดังออกมาจากหีบนั้น เสียงเพลงนี้....มันคือเพลงเดียวกับที่ซองยอลได้ยินในฝัน ซองยอลวางหีบเพลงนั้นลงบนพื้นด้วยมือที่สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เหงื่อชื้นเริ่มออกตามใบหน้า ซองยอลเม้มปากแน่นก่อนจะค้นของในลังนั้นต่อ แล้วดวงตาของซองยอลก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพบตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูอยู่เกือบก้นลังนั้น ซองยอลเอื้อมมือที่สั่นไม่หยุดไปหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ เหมือน...เหมือนอีกแล้ว ตุ๊กตาตัวนี้เหมือนในฝันของเขาอีกแล้ว

 

ซองยอลวางตุ๊กตาลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างบางหยุดนิ่งหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะเนื่องด้วยสมองในตอนนี้กำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมของพวกนี้ถึงได้เหมือนภาพในความฝันนั้นนักนะ ซองยอลครุ่นคิดอย่างสับสนและงุนงง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ ถ้าของพวกนี้เหมือนในฝัน แล.....แล้ว ผู้ชายคนนั้นล่ะมีจริงด้วยไหม “

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นซองยอลก็หันไปรื้อค้นของในลังนั้นต่อก่อนจะพบรูปจำนวนหลายใบในซองๆหนึ่ง ซองยอลหยิบรูปพวกนั้นออกมาดูทีละรูปๆ รูปแต่ละใบเป็นรูปถ่ายของซองยอลในหลายๆอิริยาบถมีทั้งที่เป็นแบบแอบถ่ายและซองยอลเต็มใจให้ถ่าย ซองยอลหยิบดูรูปนั้นไปเรื่อยๆมีทั้งรูปตอนซองยอลอ่านหนังสือ ไปเที่ยว ดูทีวี หรือแม้กระทั่งยามนอน หลากหลายและหลายมุม ซองยอลหยิบดูไปเรื่อยๆก่อนจะนิ่งงันไปอีกครั้งเมื่อร่างบางเปิดมาเจอรูปของตัวเองกำลังโอบตุ๊กตาหมีอยู่และนั่งอยู่บนม้านั่งสีขาว มือเรียวเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ รูปนี้มัน.....เหมือน...กับ....ภาพที่เห็นตอนรถชน”

 

“ รูปเซลก้าล่ะ รูปเซลก้า หน้าของผู้ชายคนนั้น”

 

ซองยอลละล่ำละลักกับตัวเอง มือเรียวที่สั่นอยู่ตลอดเวลาพลิกดูรูปใบต่อไปอย่างรวดเร็วจนถึงใบสุดท้าย ภาพใบสุดท้ายปรากฎต่อสายตา ภาพที่มีซองยอลนั่งอยู่ทางฝั่งขวาของตุ๊กตาหมีกำลังยิ้มสดใสมาทางกล้อง ส่วนทางฝั่งซ้ายของตุ๊กตาหมีเป็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยิ้มแย้มให้กับกล้องเช่นกัน ซองยอลจ้องภาพนั้นก่อนจะนิ่งอยู่นาน มือที่ถือรูปใบนั้นยังคงสั่นไม่ยอมหยุด น้ำตาใสเริ่มรินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างหยุดไม่ได้ ร่างกายเริ่มสั่นสะอื้นอย่างควบคุมความรู้สึกไม่อยู่อีกต่อไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น