วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

คนบาป...


ร่างเปลือยเปล่าของผมอยู่ในอ้อมกอดที่แสนจะเร่าร้อนของเขา ร่างกายของเราแนบชิดแนบแน่นจนเกือบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน แขนเรียวของผมโอบกอดร่างกายแกร่งที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ไม่ต่างอะไรไปจากตัวผมแนบร่างนั้นไว้กับอกราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปไหน

 

ผมครางออกมาเบาๆเมื่อริมฝีปากหยักได้รูปของเขาพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของผม จากสัมผัสที่แผ่วเบาเริ่มรุนแรงและเร่าร้อนจนปรากฎร่องรอยสีกุหลาบแต่งแต้มไปทั่วร่างของผมราวกับเจ้าของริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นต้องการจะตีตราความเป็นเจ้าของในตัวผม

 

ร่างสูงที่ครอบครองอยู่เหนือร่างผมโน้มใบหน้าหล่อเหลาที่ผมแสนหลงใหลขึ้นมาทาบทับริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากของผมที่เผยอรอรับสัมผัสจากเขา ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาสำรวจในโพรงปากของผมก่อนจะเกี่ยวตวัดไล่ต้อนผมจนผมแทบขาดใจ ผมไม่ยอมแพ้ต่อการบุกรุกของเขาอยู่ฝ่ายเดียว เรียวลิ้นของเราเกี่ยวตวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ในโพรงปากร้อนก่อนที่จะเป็นฝ่ายผมเองที่ถอนจูบออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนลมหายใจของผมจะขาดหาย

 

คนบนร่างของผมเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากของผมพุ่งเป้าไปที่ซอกคอขาวของผมแทน  ริมฝีปากหยักได้รูปนั้นขบเม้มสร้างความเสียวซ่านให้กับผม ปลุกเร้าอารมณ์แห่งความต้องการที่มีอยู่ให้พุ่งทะยานมากขึ้นไปกว่าเดิม มือหนาทั้งสองของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของผมแทบไม่มีสัดส่วนไหนที่เขาจะไม่สัมผัสถึง

 

" มยองงงง......ซู"

 

ผมเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างแผ่วเบาด้วยตอนนี้อารมณ์แห่งความต้องการคนตรงหน้ามันมากล้นจนผมไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว ดวงตาผมที่หน่วงไปด้วยหยาดน้ำใสของความต้องการสบเข้ากับดวงตาสีดำนิลสนิทของมยองซูที่ผละจากการไล่วนจูบอยู่บนหน้าอกแบนราบของผม มยองซูสบตาอ้อนวอนของผมก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อยมือหนาของเขายังคงลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผมราวกับต้องการกลั่นแกล้งผมให้ขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตา

 

" ว่าไงอีซองยอล"

มยองซูเอ่ยถามผมทั้งๆที่เขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไร

 

" ฉันต้องการมยองซู....ได้โปรด...รักฉันเถอะนะ"

ผมเอ่ยอ้อนวอนเขา ขอในสิ่งที่ผมกำลังต้องการ ผมต้องการเขา ต้องการร่างกายของเขาเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผม

 

มยองซูยกยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดอ้อนวอนของผม เขาโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามามอบจูบร้อนแรงให้กับผมอีกครั้ง จูบที่แสนจะร้ายกาจที่มอมเมาผมให้ถอนตัวไม่ขึ้น มยองซูถอนริมฝีปากหยักออกมา สบตาสีดำนิลกับผมก่อนจะเอ่ยกับผมออกมา

 

" ได้สิสำหรับซองยอลแล้ว จะให้ฉันรักกับซองยอลกี่ครั้ง  ฉันก็ไม่เคยเบื่อ "

 

หลังจากจบประโยคนั้น มยองซูก็เริ่มต้นบทรักที่ร้อนแรงให้กับผม ผมจมดิ่งกับบทรักที่มยองซูมอบให้ มันเร่าร้อน หนักหน่วง รุนแรงแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในที เราปลดปล่อยอารมณ์แห่งราคะครั้งแล้วครั้งเล่า กอดก่ายแลกเปลี่ยนสัมผัสร่างกายซึ่งกันและกัน ก่อนจะหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนรุ่งเช้า

 

สองวันต่อมา

ผมนั่งเท้าคางมองผ่านกระจกร้านอาหารออกไปนอกร้านสลับกับการก้มมองเวลาของนาฬิกาบนข้อมือเรียวของผม ผมกำลังรอคอยคนรักของผม เราสองคนมีนัดเดทกันในวันนี้ แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วเขาก็ยังไม่มาถึง ซักพักร่างสูงของคนที่ผมรอคอยก็มาถึง เขาก้าวเดินตรงมายังผมก่อนจะยิ้มอ่อนโยนให้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับผม

 

" รอนานไหมซองยอลขอโทษทีนะ รถมันติด "

คนรักของผมเอ่ยขอโทษผม ผมยิ้มหวานส่งให้กับเขา

 

" ไม่เป็นไรครับพี่ซองกยู"

 

ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกครับ "คิมซองกยู " หรือ " พี่ซองกยู" คือชื่อคนรักของผมเอง ผู้ชายผิวขาวจัดดวงตาเรียวเล็กอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ เขาคือคนรักของผมเอง

 

ทุกคนคงกำลังสงสัยกันใช่ไหมครับว่าผู้ชายคนนั้นผู้ชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีนิลสนิทที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง ผู้ชายที่ชื่อ " คิมมยองซู" คือใครกัน

 

ผมจะอธิบายให้ฟังก็ได้ มยองซูนั้นเป็นญาติผู้น้องของพี่ซองกยู เมื่อผมได้กลายมาเป็นคนรักของพี่ซองกยู ผมก็เลยได้รู้จักกับเขาก่อนที่เราทั้งสองคนจะถลำลึกจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน

 

ฐานะของผมกับมยองซูในตอนนี้ระหว่างเรามันคืออะไรผมเองก็ไม่แน่ใจ  แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน  ผมไม่แคร์และไม่คิดจะอยากรู้  คุณจะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราว่าชู้ คู่นอน คู่ขา หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่  ผมรู้แค่ว่าชีวิตของผมไม่สามารถขาดผู้ชายที่ชื่อคิมมยองซูได้

 

ผมยอมรับว่าผมหลงใหลในบทรักของมยองซูจนถอนตัวไม่ขึ้น ผมเสพติดในบทรักที่เร่าร้อนของเขา เสพติดทุกสัมผัสร้อนแรงที่เขาปรนเปรอให้กับผมเสพติดเรือนร่างของเขาที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผมยามที่เราอยู่บนเตียงด้วยกัน

 

" หนาวหรอซองยอลพันผ้าพันคอซะแน่นเชียว "

พี่ซองกยูเอ่ยถามผมขณะเปิดเมนูเลือกรายการอาหารที่จะสั่ง

 

" ครับ เหมือนจะไม่สบาย รู้สึกหนาวๆ "

 

ผมตอบพี่ซองกยูไปอย่างไร้พิรุธ ความสัมพันธ์ซ้อนเร้นระหว่างผมกับมยองซูไม่ใช่พึ่งเริ่มต้นแต่มันถูกปกปิดมานานแล้ว  ดังนั้นผมจึงมีสติมั่นคงมากพอหากจะพูดโกหกอะไรพี่ซองกยูออกมา เปล่าหรอกผมไม่ได้หนาวหรือป่วยแต่อย่างใด แต่เพราะบทรักที่ร้อนแรงของมยองซูเมื่อสองวันก่อนต่างหากล่ะที่มยองซูเผลอทำรอยไว้ที่ซอกคอผมจนเด่นชัด ผมกับมยองซูเคยระมัดระวังในเรื่องนี้ แต่พอเวลาเราสองตกอยู่ในห้วงอารมณ์สวาทเราก็มักจะลืมจนหมดสิ้น

 

หลายคนสงสัยว่าหากเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่ซองกยูล่ะ ผมจะปกปิดร่องรอยพวกนี้ได้ยังไง เรื่องนี้ถือเป็นความโชคดีของผมอีกอย่างหนึ่งเพราะพี่ซองกยูเป็นคนบ้างานเขาทุ่มเทกับงานจนแทบไม่ให้ความสนใจกับเรื่องแบบนี้ซักเท่าไร เราสองคนมีอะไรกันแทบนับครั้งได้ แต่ไม่ใช่ว่าพี่ซองกยูจะอ่อนด้อยในเรื่องแบบนี้ บทรักของพี่ซองกยูนั้นไม่มีที่ติแต่ผิดที่ผมเองที่มันไม่รู้จักพอ ผมยอมรับว่าผมมีความต้องการในเรื่องแบบนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกติและคงจะเป็นอะไรที่พอเหมาะพอดีกับผู้ชายอย่างมยองซูที่มีความต้องการในเรื่องแบบนี้โดยไม่รู้จักพอเช่นกัน

 

" อ้าวมยองซูอูฮยอน มาได้ไง"

 

เสียงพี่ซองกยูเอ่ยขึ้นมา ดวงตาเรียวเล็กมองไปทางด้านประตูร้านที่ผมนั่งหันหลังให้อยู่ ผมเหลียวไปมองก็เห็นมยองซูกำลังเดินตรงมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่กับพี่ซองกยู ข้างกายเขามีผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักเดินเคียงคู่มาด้วย

 

" นัมอูฮยอน" คือชื่อของผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้น ผมรู้จักเขาดีในฐานะคนรักของมยองซู ถูกแล้วไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียวที่นอกใจพี่ซองกยู แต่มยองซูเองก็นอกใจคนรักของเขาเช่นกัน

 

" บังเอิญจัง พอดีอูฮยอนเขาอยากทานข้าวร้านนี้"

มยองซูเอ่ยกับพี่ซองกยู แววตาคมสบตากับผมเล็กน้อย

 

" นั่งก่อนๆ นั่งด้วยกันนี่แหละ"

 

พี่ซองกยูเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งข้างผม และให้มยองซูและอูฮยอนนั่งแทนที่ของเขา  มยองซูเลือกนั่งด้านในสุดซึ่งตรงข้ามกับผมดวงตาสีนิลนั้นสบตากับผมอีกครั้งก่อนจะส่งแววตาบางอย่างมาให้ผม อะไรบางอย่างที่รู้กันเพียงเราสองคน

 

เราสั่งอาหารหลายๆอย่างมาเต็มโต๊ะ พี่ซองกยูดูมีความสุขที่สุดเพราะเขาไม่ได้พบมยองซูมานานมาก  ไหนจะนัมอูฮยอนอีกที่ซองกยูแทบไม่ค่อยได้เจอ พี่ซองกยูชวนทุกคนคุยกันอย่างออกรส ผมนั่งฟังอยู่เงียบๆนานๆครั้งจะคุยกับพวกเขาซักครั้งนึงซึ่งมันก็เป็นอุปนิสัยส่วนตัวของผมอยู่แล้วที่ชอบฟังมากกว่าพูด ขณะกำลังนั่งฟังเพลินๆผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแตะสัมผัสเคลื่อนไหวอยู่ที่เท้าของผม ผมมองไปยังฝั่งตรงข้ามก็เห็นมยองซูยังคงทำตัวปกติ ร่างสูงเท้าคางมองพี่ซองกยูกำลังชวนอูฮยอนพูดคุย

 

สัมผัสนั้นเริ่มเลื่อนสูงขึ้นมาเรื่อยๆตามขาเรียวของผม ผมรับรู้ได้แล้วว่ามันคือปลายเท้าซุกซนของมยองซูนั่นเอง ผมนึกด่าคนตรงหน้าในใจที่ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ถึงมันจะเป็นการกระทำที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะที่มีผ้าคลุมมิดชิดก็เถอะแต่ตอนนี้คนรักของเราทั้งคู่ก็นั่งอยู่ตรงนี้

 

มยองซูแตะปลายเท้าของเขาไล่ขึ้นมาสูงขึ้นๆเรื่อยๆจนถึงบริเวณขาอ่อนของผมก่อนจะวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นปลุกอารมณ์ปั่นป่วนของผมที่เริ่มประทุขึ้นมา ถ้าเปรียบมยองซูคือไฟผมก็คงจะเป็นน้ำมันที่พร้อมจะลุกติดเผาไหม้ได้ทุกเวลา

 

มยองซูใช้ปลายเท้าเลื่อนสูงขึ้นมาอีกและจงใจปัดป่ายให้ไปโดนส่วนอ่อนไหวตรงกลางลำตัวของผม ผมเสียววาบกับสัมผัสนั้นจนมวนตรงท้องน้อย ผมทำหน้าดุใส่มยองซูที่หันมายกยิ้มร้ายกาจใส่ผม แล้วผมก็ต้องชะงักกึกอีกครั้งเมื่อมยองซูจงใจกดปลายเท้าของเขาลงบนส่วนอ่อนไหวของผมตรงๆก่อนจะถูไถไปมาเบาๆ  ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง ความเสียวซ่านแล่นผล่านไปทั่วทั้งร่างกาย มยองซูยังคงเคลื่อนไหวปลายเท้าของเขาไปมาที่ส่วนนั้นจากเชื่องช้าเป็นเร็วขึ้นๆกดหนักลงในบางจังหวะ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นจนรู้สึกเจ็บ ผมมองหน้ามยองซูอีกครั้งดวงตาเว้าวอนขอร้องให้เขาหยุดการกระทำทั้งหมดลงก่อนที่ผมจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมยองซูส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผมซึ่งผมพออ่านออกว่าเขาไม่เชื่อฟังผม ผมเหลือบมองพี่ซองกยูกับอูฮยอนอย่างกังวลทั้งคู่ยังคงคุยเรื่องธุรกิจบางอย่างอยู่ที่บังเอิญที่ทั้งสองคนสนใจในเรื่องเดียวกัน

 

ผมปฎิเสธไม่ได้ว่าท่ามกลางความรู้สึกวิตกกังวลกลัวว่าจะถูกจับได้นั้นผมกลับรู้สึกดีและรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การแอบทำอะไรกันทั้งๆที่คนรักของเราก็นั่งอยู่ข้างกายมันทำให้ผมรู้สึกท้าทายและรู้สึกแปลกใหม่อย่างน่าประหลาด

 

โทรศัพท์มือถือของผมสั่นขึ้น ผมมองมันด้วยหางตาและไม่คิดจะรับมันเพราะตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับการบุกรุกร่างกายช่วงล่างจากมยองซูอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายของมยองซูที่ส่งมาให้ผม  ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าใครกันที่เป็นคนส่งข้อความมา

 

ผมเอื้อมมือที่เริ่มสั่นเทาเล็กน้อยเพราะแรงปรารถนาของความต้องการของร่างกายเริ่มพุ่งทะยานสูงขึ้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาล่าสุด

 

" ห้องน้ำไหมซองยอลฉันว่านายเริ่มไม่ไหวล่ะ"

ผมอ่านข้อความนั้นจบก็เงยหน้าสบตาเจ้าเล่ห์ของมยองซูเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วเรียวพิมพ์ข้อความส่งกลับไปให้มยองซูในทันที

 

" นายจะบ้าหรอนี่มันร้านอาหารนะ เอาเท้านายออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าพี่ซองกยูกับอูฮยอนเกิดสงสัยขึ้นมาจะทำยังไง"

 

มยองซูหยิบมือถือของเขาขึ้นมาอ่านข้อความของผมก่อนจะกดพิมพ์ข้อความตอบกลับผมมาแม้ปลายเท้าของมยองซูจะเริ่มบุกรุกผมน้อยลงกว่าเดิมแต่เขาก็ยังไม่ถอนออกไปยังคงถูไถส่วนอ่อนไหวของผมอยู่ช้าๆสร้างความปั่นป่วนให้ผมทวียิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมกดอ่านข้อความของมยองซูที่ส่งเข้ามาใหม่

 

" แถวนี้มีโรงแรมนายไปกับฉันสิ รับรองพี่ซองกยูกับอูฮยอนไม่รู้หรอก เรื่องโกหกเราสองคนเนียนอยู่แล้ว แต่ถ้านายไม่ไปเราโดนจับได้ฉันไม่รู้ด้วยนะ เพราะตอนนี้ของนายมันเริ่มเปียกแล้วล่ะ "

ผมอ่านข้อความยืดยาวของมยองซูก่อนที่แก้มจะขึ้นสีด้วยความอาย ถึงเราสองคนจะเคยมีอะไรกันมานับครั้งไม่ถ้วนแต่คำพูดน่าอายที่มยองซูชอบใช้กับผมอย่างไม่รู้สึกอะไรเหล่านั้นผมทำใจให้ชินไม่ได้ซักที ผมหันไปหาพี่ซองกยูอย่างรวดเร็วเพราะร่างกายของผมมันเริ่มบังคับไม่ได้แล้ว

 

" พี่ซองกยู "

 

" หือ...ซองยอล"

 

" พี่จำซองจงเพื่อนสนิทผมได้ไหมพอดีเขามีปัญหาด่วนเขาแมสเซสมาผมต้องไปช่วยเขาตอนนี้เลย"

ผมเอ่ยปากโกหกพี่ซองกยูไปอย่างไร้พิรุธ ก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก

 

" จริงหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ"

พี่ซองกยูเอ่ยด้วยความเป็นห่วงและด้วยนิสัยที่ไม่ชอบก้าวก่ายของเขา  พี่ซองกยูจึงไม่ซักถามอะไรมากมาย  และนี่ก็เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งที่ผมไม่ต้องหาเรื่องโกหกให้มากมาย

 

"ไม่เป็นไรครับ ผมขับรถมา  ผมไปเองได้"

 ผมเอ่ยกับพี่ซองกยู

 

" งั้นหรอ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่นะ"

ผมพยักหน้ารับคำพี่ซองกยู ก่อนจะหันไปลาคนร่วมโต๊ะอีก 2 คนเป็นธรรมเนียม

" ขอโทษนะมยองซู อูฮยอน"

 

" ไม่เป็นไร ไว้เจอกันคราวหน้านะ"

 

อูฮยอนยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกผิดต่อสิ่งที่กระทำลับหลังอูฮยอนน้อยลง ผมรีบเดินออกมาจากโต๊ะแต่ก็ยังพอทันได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของมยองซูดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงของเขา

 

" ฉันเองอะไรนะ!!! ได้ๆ ฉันจะรีบไปดูเดี๋ยวนี้"

 

"พี่ซองกยูครับโฮวอนโทรมาบอกว่าเครื่องจักรที่โรงงานมีปัญหา ผมคงต้องไปดูด่วน"

 

นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมพอได้ยินหลังจากเดินห่างออกมา ซึ่งผมก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่ามยองซูจะโกหกพี่ซองกยูและอูฮยอนอย่างไรต่อ รวมไปถึงไอ้มุกเก่าๆที่มยองซูควรจะเลิกใช้ได้ตั้งนานแล้วกับการแอบใช้โทรศัพท์มือถืออีกเครื่องโทรหาตัวเอง มุกเก่าที่น่าจะไม่น่าใช้ได้ผลแต่มยองซูกลับใช้มันกับอูฮยอนในการโกหกของเขาได้ตลอด น่าแปลกใจจริงๆ

 

ผมสาวเท้าอย่างรวดเร็วมาที่รถของตนเอง เหงื่อชื้นเริ่มซึมขึ้นตามใบหน้าด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าแต่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ผมสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วจุดหมายคือโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ ผมรู้จักมันอย่างดีว่าเป็นโรงแรมไหนโดยไม่ต้องรอให้มยองซูบอกชื่อเพราะโรงแรมแถวนี้ผมสองคนต่างเคยมาใช้บริการออกจะบ่อยไป

 

ผมยอมรับว่าผมใจร้ายกับพี่ซองกยูมากเหลือเกิน ทั้งๆที่พี่เขารักผมมาก เชื่อใจผมไม่เคยหวาดระแวงอะไรในตัวผมเลย  แต่ผมกลับทำร้ายพี่ซองกยูอย่างร้ายกาจ สวมเขาให้เขายังไม่พอยังเป็นคนที่เป็นญาติสนิทของเขาอีกด้วย

 

ผมมันคนเห็นแก่ตัวถึงผมจะต้องการมยองซูมากแค่ไหนแต่ผมก็ปล่อยมือจากพี่ซองกยูไปไม่ได้เหมือนกัน มยองซูเองก็ไม่ต่างไปจากผม ถึงเขาจะลุ่มหลงในตัวผมมากแค่ไหนแต่เขาก็ปล่อยมือจากอูฮยอนไม่ได้เช่นกัน

 

หรือระหว่างผมกับมยองซูมันแค่คือความใคร่เท่านั้น

 

ผมรู้ดีว่าการกระทำของผมและมยองซูมันเป็นบาป

 

แต่ต่อให้บาปแค่ไหนผมก็พร้อมจะทำผิดไปพร้อมๆกับมยองซู

 

หากขุมนรกมีจริงผมก็จะยอมรับต่อโทษทัณฑ์ทั้งหมดแต่โดยดี

 

ขอแค่ตอนนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ ผมมีความสุขกับมยองซูก็พอ

 

คนบาปสองคนพร้อมที่จะชดใช้บาปที่ได้ทำทั้งหมด

 

อาจจะภายในเร็ววันนี้

 

แล้วคุณล่ะกำลังทำบาปกับใครอยู่หรือเปล่า คุณกำลังเป็นคนบาปเหมือนผมสองคนอยู่ไหม






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น