วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

คนบาป 2....





อื้อออ.....อืมมมมม "

 

ผมครางออกมาเบาๆเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาแตะสัมผัสลงบนยอดอกของผม  ลิ้นร้อนลากวนไปมาอย่างช่ำชองสร้างความกระเสียวสันให้แก่ผมจากซ้ายเลื่อนเปลี่ยนไปยังขวา ผมแอ่นอกรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ แล้วผมก็ต้องผวาร่างเกร็งท้องน้อยด้วยความเสียวซ่านขึ้นอีกครั้ง เมื่อลิ้นร้อนของเขาแตะสัมผัสลากผ่านไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องแบนราบก่อนจะลากวนไปมาดั่งแกล้งกันอยู่ตรงสะดือสวยของผมจนผมอดครางออกมาอย่างสุขสมไม่ได้ มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของผมและจงใจเน้นย้ำไล่วนอยู่ตรงสะโพกและต้นขาเพื่อปลุกปั่นอารมณ์แห่งความต้องการของผมให้พุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก

 

" พี่...ซองงงง...กยู "

ผมครางเรียกชื่อเขาด้วยเสียงกระเส่า ร่างกายผมตอนนี้มันทานทนต่อแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าไม่ได้อีกแล้ว ผมต้องการ ผมต้องการเขามากเหลือเกินในเวลานี้

 

พี่ซองกยูผละจากการฝังหน้าไล่พรมจูบไปตามหน้าท้องของผม ใบหน้าหล่อเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยแววตาเว้าวอนร้องขอเขาด้วยความต้องการ มือหนาของเขายังคงลากผ่านไปตามต้นขาเรียวของผมไปมาซ้ำยังจงใจเฉียดใกล้ส่วนอ่อนไหวของผมเข้าไปทุกทีๆ

 

" พี่ซองกยู......อย่าแกล้ง"

 

ผมเอ่ยอ้อนวอนกึ่งต่อว่าเขา ร่างสูงยกยิ้มอย่างชอบใจที่แกล้งผมได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนจะโน้มตัวขึ้นมาด้านบนทาบทับริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาลงบนริมฝีปากของผม ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นเราทั้งสองเกี่ยวตวัดไปมาอย่างไม่ยอมแพ้กันจนพี่ซองกยูถอนจูบนั้นออกไป ผมหอบลมหายใจเข้าปอดสบตาเรียวเล็กของคนบนร่าง เขายิ้มอ่อนโยนส่งกลับมาให้ผม

ใจเย็นๆสิ เด็กน้อย"

 ผมส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่ยินยอมเพราะร่างกายตอนนี้ทนต่อความต้องการที่รุมเร้าไม่ไหวแล้ว

 

ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะวันนี้เรายังมีเวลา"รัก"กันได้อีกนาน"

 

หลังจบประโยคพร้อมรอยยิ้มแสนละมุนนั้น พี่ซองกยูก็มอบบทรักอันร้อนแรงหนักหน่วงให้กับผม ผมดำดิ่งกับบทรักที่เขามอบให้จนเหมือนตนเองกำลังลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ เราโอบกอดเรือนร่างเปลือยเปล่าของกันและกัน ช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่าย ปลดปล่อยอารมณ์แห่งราคะครั้งแล้วครั้งเล่า ผมซุกตัวลงกับอกแกร่งของเขา พี่ซองกยูโอบกอดร่างผมเข้ามาแนบชิดมากกว่าเดิม

 

พี่ซองกยู "

 

หืม ว่าไงเด็กน้อย"

 

ผมรักพี่นะ"

 

พี่ก็รักเราเหมือนกัน.............................."

V

V

V

V

V

V

อูฮยอนอ่า"

 

ใช่ครับ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก คนที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ซองกยูในตอนนี้ไม่ใช่ "อีซองยอล" ผู้ที่เป็นคนรักของพี่ซองกยู แต่เป็นผมต่างหาก "นัมอูฮยอน"

 

ทุกคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นคบชู้นอกใจคนรักของเราแต่จะใช้คำว่าชู้กับพวกผมสองคนมันก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะจะว่าไปแล้วผมนั้นมาก่อนซองยอล ในขณะเดียวกันพี่ซองกยูก็มาก่อนมยองซูเช่นกัน หลายคนคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด  เอาเป็นว่าผมจะอธิบายให้ฟังล่ะกัน

 

ผมกับพี่ซองกยูเรารู้จักกันมานานแล้ว เราพบกันครั้งแรกที่นิวยอร์คซึ่งตอนนั้นพี่ซองกยูเดินทางไปดูงานที่นั่น ส่วนผมก็ไปเที่ยวที่นั่นในช่วงเวลานั้นพอดี แค่พบกันครั้งแรกเราก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันก่อนจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว  จนสานสัมพันธ์กันต่อเมื่อพวกเรากลับมาที่โซล

 

แต่ความสุขระหว่างเรามันช่างสั้นนัก เมื่อธุรกิจของครอบครัวพี่ซองกยูประสบปัญหาอย่างหนักและก็ได้ประธานอีผู้เป็นพ่อของซองยอลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในทุกๆอย่าง  ดังนั้นต่อมาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เลยเห็นดีเห็นงามที่จะให้พี่ซองกยูคบหากับซองยอลในที่สุด

 

พี่ซองกยู "

ผมเอ่ยเรียกพี่ซองกยู ร่างเปลือยเปล่าของเรายังคงแนบชิดอยู่อย่างนั้น

 

หืม....ว่าไงเด็กน้อย"

พี่ซองกยูจ้องตาเรียวเล็กมาที่ผม  มือหนายังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของผม

ระหว่างอูฮยอนกับซองยอล พี่ชอบ.....เอ่อ.....ใครมากกว่ากัน"

ผมเอ่ยปากถามพี่ซองกยูอย่างเขินอายถึงเรื่องเปรียบเทียบบทรักระหว่างผมกับซองยอล  หลายๆครั้งที่ผมแอบหวั่นไหวกลัวว่าพี่ซองกยูจะหลงใหลในตัวของซองยอลมากกว่าผม  แค่คิดมันก็เจ็บเหลือเกิน

 

ถามอะไรแบบนั้น หืม "

 

ก็อูฮยอนอยากรู้นี่น่า"

ผมมองหน้าเขาอย่างอ้อนๆอยากรู้

 

อูฮยอนอ่า ก็ต้องเป็นนายสิ สุดที่รักของพี่"

พี่ซองกยูเอ่ยตอบก่อนจะรั้งร่างผมในอ้อมกอดเข้ามาใกล้กดจูบลงไปบนหน้าผากนวลนั้นอย่างแผ่วเบา

 

แน่ใจนะ "

ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อต้องการความมั่นใจ

 

แน่ใจสิ  เราก็รู้ว่าสำหรับพี่แล้วการคบกับซองยอลมันก็แค่ผลประโยชน์เท่านั้น  มันเป็นความต้องการของครอบครัวพี่ที่พี่ขัดไม่ได้"

พี่ซองกยูเอ่ยอย่างจริงจังเพื่อให้ผมรู้สึกมั่นใจ

 

ก็ผมกลัว ซองยอลออกจะน่ารักขนาดนั้น ผมกลัวพี่จะเปลี่ยนใจ"

ผมพูดแบบนั้นเพราะผมกลัวจริงๆนะ  ซองยอลเป็นคนน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย  ซ้ำยังเพียบพร้อมไปซะทุกๆอย่าง  จะไม่ให้ผมกลัวได้อย่างไรกัน

 

อูฮยอนอ่า คนที่พี่รักมีอูฮยอนเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย"

พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้ผม

 

“ แล้วอูฮยอนล่ะ พี่กับมยองซูใครร้อนแรงกว่ากัน"

พี่ซองกยูเอ่ยถามผมบ้าง

 

“ มยองซู"

ผมเอ่ยตอบไปในทันที พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาน้อยใจเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อนที่ผมจะต้องเสียเวลาในการง้องอนคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดเขาเพราะการล้อเล่นของผมผมรีบเอ่ยกับพี่ซองกยูต่อออกไปในทันที

 

“ มยองซูเขาก็แค่ร้อนแรง แต่กับพี่ผมสำลักความสุขจนแทบจะขาดใจตายแล้ว"

ผมเอ่ยพร้อมเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าหล่อเบาๆอย่างเอาใจ

 

" พูดแบบนี้อยากจะสำลักความสุขอีกซักรอบไหมล่ะ "

พี่ซองกยูหรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม

 

พี่คิดว่าผมกลัวหรอ" ผมตอบกลับไปพร้อมส่งสายตายั่วยวนท้าทายไปให้

 

นายท้าพี่เองนะเด็กน้อย "

พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงราวกับจะกลืนกินผมลงไปทั้งตัว

 

ไม่ได้ท้า แค่อยากพิสูจน์ แต่อย่าทำรอยล่ะ ผมขี้เกียจหาข้ออ้างโกหกมยองซู"

 

ก็ใช้วิธีแบบซองยอลสิ"

 

เหอะ!!!  วิธีงี่เง่านั่นนะหรอ มีแต่เด็กน้อยอย่างซองยอลใช้เท่านั้นแหละ"

 

ผมเอ่ยออกมาเมื่อนึกถึงซองยอลผมกับพี่ซองกยูไม่ได้โง่นะที่จะมองไม่ออกว่าซองยอลพันผ้าพันคอหนาเตอะทั้งๆที่อากาศก็เริ่มร้อนแล้วไปทำไมกันถ้าไม่ใช่ต้องการที่จะปกปิดร่องรอยอะไรบางอย่างบนซอกคอขาวของเจ้าตัวนั่น

 

แต่พี่อยากทำนี่น่า " พี่ซองกยูยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม

 

แต่ว่า..."ผมลังเลเล็กน้อย

 

เดี๋ยวนี้อูฮยอนเห็นมยองซูสำคัญกว่าพี่แล้วหรอ น่าน้อยใจจริงๆ"

พี่ซองกยูทำสีหน้าน้อยใจ

 

เปล่านะ สำหรับอูฮยอนแล้ว พี่ซองกยูสำคัญที่สุด มยองซูก็แค่ผู้ชายที่เป็นเหมือนสะพานพาอูฮยอนมาเจอกับพี่กยูก็เท่านั้น"

ผมรีบบอกเขา พี่ซองกยูยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของผม

 

พูดได้น่ารักมาก แบบนี้พี่คงต้องให้รางวัลซะหน่อยล่ะ"

 

พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมส่งแววตากระหายมาให้ผม ผมรู้งานโดนที่พี่ซองกยูไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาอีกผมเอื้อมแขนของผมไปโอบรอบคอพี่ซองกยูไว้แล้วรั้งใบหน้าหล่อเข้ามารับจูบจากผม เรามัวเมากับรสจูบของกันและกันอยู่เนิ่นนานก่อนจะเริ่มต้นบทรักบทใหม่ที่ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

 

ส่วนเรื่องที่ผมใช้มยองซูเป็นสะพานนั้นเป็นความจริงทุกๆอย่าง  เพราะหลังจากที่ผมเป็นฝ่ายเดินออกมาจากชีวิตพี่ซองกยูเพื่อหลีกทางให้พี่ซองกยูคบกับซองยอล ผมพยายามที่จะตัดใจจากเขาแต่ผมก็ทำไม่ได้การลืมใครที่เรารักมากไปซักคนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน  แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พบกับมยองซูโดยบังเอิญและเมื่อได้รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องยังไงกับพี่ซองกยู ผมก็ตอบรับคบหากับมยองซูในทันทีโดยไม่ลังเล

 

ผมอาจดูเหมือนคนโง่ที่ยอมทำทุกวิธีทางแม้กระทั่งยอมมอบกายให้กับคนที่ไม่ได้รัก  เพียงแค่จะได้เห็นหน้าพี่ซองกยูเท่านั้น พี่ซองกยูดูตกใจมากเมื่อได้พบผมอีกครั้ง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาและเขาเองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักผมเช่นกันตามที่ผมต้องการ

 

แต่สุดท้ายเราสองคนก็ทนต่อเสียงหัวใจที่ร่ำร้องหากันไม่ได้ เราแอบพบกันและแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างหลบๆซ่อนๆ ในช่วงแรกๆนั้นผมและพี่ซองกยูต่างรู้สึกผิดต่อมยองซูและซองยอลเหมือนกัน มันดูเป็นการโหดร้ายเกินไปที่พวกผมจะลากพวกเขาสองคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยเข้ามาในวังวนแห่งความปรารถนาของผมและพี่ซองกยู

 

แต่แล้ววันหนึ่งผมกับพี่ซองกยูก็คิดผิด เมื่อเราสองคนจับได้ว่ามยองซูและซองยอลแอบลักลอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวต่อกัน  แต่เราก็แกล้งทำเป็นเฉย  แกล้งเป็นคนโง่ในสายตาพวกเขา  เพราะอะไรงั้นหรอก็เพราะว่าผมกับพี่ซองกยูจะได้หาโอกาสพบกันได้ง่ายขึ้นยังไงล่ะ ซ้ำผมสองคนก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อคนรักของเราอีกต่อไป

 

ผมกับพี่ซองกยูมักใช้เวลาที่มยองซูและซองยอลโกหกเราเพื่อลอบพบกันเป็นโอกาสสำคัญให้เราสองคนได้นัดพบกันไปด้วย  อย่างวันนี้ก็เช่นกันจริงๆแล้วมันคือแผนของพี่ซองกยูและผมเองต่างหากล่ะ  เมื่อพี่ซองกยูโทรมาบอกผมว่าเขานัดซองยอลไว้ที่ร้านอาหารร้านนั้น  ผมก็ไม่รอช้าที่จะต่อสายไปหามยองซูอ้อนเขาว่าอยากมาทานอาหารที่ร้านนี้  แค่นั้นเราทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันที่ร้านอาหารนั้นจนดูคล้ายเรื่องบังเอิญ  ผมนั้นรู้ทันมยองซูอยู่แล้วว่าคนอย่างมยองซูถ้าได้เจอหน้าซองยอลแล้วเขาต้องหาเรื่องออกไปกับซองยอลแน่ๆ  แต่ว่ามยองซูกลับใจร้อนกว่าที่ผมคิดเยอะ  ภายใต้ผ้าคลุมโต๊ะมิดชิดนั้นคิดหรอว่าผมกับพี่ซองกยูจะมองไม่ออกว่าคนทั้งคู่กำลังแอบทำอะไรกัน แค่มองสีหน้าของซองยอลพวกผมก็อ่านออกแล้ว  ผมกับพี่ซองกยูก็เลยแกล้งคุยนู้นคิดนี่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำอะไรกันสมใจ  สุดท้ายหลังจากซองยอลและมยองซูออกไปจากร้านอาหารแล้ว  ก็เป็นโอกาสของผมและพี่ซองกยูที่พากันออกมาหลังจากนั้น

 

ผมกับมยองซูเรามีความสัมพันธ์กันค่อนข้างบ่อยเพราะมยองซูเป็นคนที่มีความต้องการในเรื่องพวกนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกติดังนั้นผมจึงขอร้องไม่ให้พี่ซองกยูทำรอยบนร่างของผมเพื่อไม่ให้มยองซูสงสัย จนพี่ซองกยูก็อดที่จะน้อยใจผมไม่ได้ในหลายๆครั้ง  ที่ผมต้องทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้มยองซูจับได้ผมยังต้องพึ่งพามยองซูเอาไว้ก่อนในเมื่อพี่ซองกยูเองก็ไม่สามารถเลิกกับซองยอลได้เพราะเรื่องธุรกิจและครอบครัว  มันก็คงมีแต่วิธีนี้วิธีเดียวแล้วที่พวกเราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันโดยที่ไม่มีใครสงสัย

 

จะว่าไปแล้วมยองซูเองก็เป็นผู้ชายที่แทบจะไม่มีที่ติอันใดหากผมจะคบหากับเขา เขาทั้งหน้าตาดี ครอบครัวก็ร่ำรวย ไหนจะบทรักของมยองซูที่ค่อนข้างเร่าร้อนผมยอมรับว่าในหลายๆครั้งผมแอบหวั่นไหวสุขสมไปกับบทรักของเขาแต่มันก็แค่ความใคร่ แค่เรื่องบนเตียง  แต่เรื่องหัวใจมันคนละเรื่องกัน เพราะหัวใจของผมมันมีแค่พี่ซองกยูคนเดียวเท่านั้น

 

ในบางครั้งผมก็แอบสงสารมยองซูเหมือนกันนะที่เขาเพียรพยายามโกหกผมด้วยวิธีโง่ๆอย่างเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ที่เขาใช้มุกโทรศัพท์โทรหาตัวเองเพื่อหาทางออกไปพบซองยอล เขาคงคิดว่าผมโง่มากสินะที่ไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของเขา ผมก็แค่แกล้งโง่เพื่อจะได้ออกมากับพี่ซองกยูก็เท่านั้นช่างน่าสงสารจริงๆ

 

ผมเดินลงมาจากคอนโดพี่ซองกยูอย่างเหนื่อยอ่อน จะไม่ล้าและเพลียได้อย่างไร ก็พี่ซองกยูรักผมไปไม่รู้ตั้งกี่รอบจริงๆพี่ซองกยูจะไปส่งผมถึงคอนโดแต่ติดที่แม่ของเขาโทรมากะทันหันว่าจะมาหาที่คอนโดค่ำนี้  ผมเลยต้องรีบออกมาก่อนส่วนพี่ซองกยูต้องอยู่รอรับหน้าแม่ของเขา หลายคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นกล้ามากเกินไปที่ใช้คอนโดเป็นรังรักของเรา ไม่หรอกครับ ไม่ค่อยมีใครมาที่คอนโดพี่ซองกยูบ่อยนักไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเขาหรือแม้แต่ซองยอลเองก็มาที่นี่แทบนับครั้งได้และในแต่ละครั้งที่มาซองยอลมักจะบอกพี่ซองกยูล่วงหน้าเสมอเป็นปกตินิสัย

 

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเท้าแล้วพาร่างตัวเองหลบซ่อนเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างของผู้เป็นแม่ของพี่ซองกยูกำลังเดินมาข้างกายนั้นมีร่างบางของซองยอลเดินคุยกันมาด้วย ใบหน้าของแม่พี่ซองกยูเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามพูดคุยกับคนข้างๆ  ผมมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บที่ใจจนรู้สึกชา ผมรู้สึกอิจฉาซองยอลเหลือเกินนอกจากเขาจะได้ครอบครองตัวพี่ซองกยูแล้วซองยอลยังได้หัวใจของคนในครอบครัวพี่ซองกยูไปอีก ผมขับรถกลับมาที่คอนโดของตนเองทั้งน้ำตา มันเจ็บ  เจ็บเหลือเกินที่เหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของพวกเขาผมปาดน้ำตาตัวเองทิ้งจนหมดกลับมาเป็นคนที่เข้มแข็งเหมือนเดิม ในเมื่อผมเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ผมก็ต้องยอมรับกับโชคชะตาและความทรมาณพวกนี้มันให้ได้

 

ผมเปิดประตูคอนโดพาร่างตนเองเข้าไปด้านในก่อนจะปิดลงแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกโอบกอดจากด้านหลัง แผ่นหลังผมแนบชิดกับเจ้าของอ้อมกอดนั้นอะไรบางอย่างนูนดันอยู่ตรงสะโพกด้านหลังของผมใบหน้าของคนด้านหลังคลอเคลียอยู่ตรงใบหูและซอกคอของผมไปมา ผมพอตั้งสติได้ผมก็พอรู้ว่าคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดคือใครสัมผัสที่แสนคุ้นเคยไม่น้อยไปกว่าสัมผัสที่คุ้นเคยของพี่ซองกยู

 

มยองซู " ผมเอ่ยเรียกชื่อเขา

 

คิดถึงจัง รอตั้งนาน ไปไหนมาหรอ"

มยองซูเอ่ยถามผม  มือหนาเริ่มซุกซนรุกล้ำไปตามร่างกายของผม

 

ไปช็อปปิ้งมา แล้วที่โรงงานโอเคแล้วหรอ"

 

โอเคแล้ว "

 

มยองซูตอบผมก่อนจะรั้งร่างผมให้แนบชิดร่างเขามากยิ่งขึ้นจนอะไรบางอย่างของเขาดุนดันที่สะโพกของผมมากกว่าเดิม ริมฝีปากหยักของเขาเริ่มขบเม้มตามใบหูและซอกคอของผมไปมาจนผมเสียววาบในอก

 

ไม่เอาน่ะมยองซู วันนี้อูฮยอนรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย"

ผมปฎิเสธเขาไป แค่พี่ซองกยูเพียงคนเดียวผมกลับมาถึงคอนโดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าวันนี้เพิ่มมยองซูเข้าไปอีกคนผมมีสิทธิ์ตายได้เลยนะ

 

นะ อูฮยอนนะ ฉัน.....ไม่ไหวแล้ว"

มยองซูกระซิบข้างหูผมด้วยเสียงกระเส่าบ่งบอกถึงความต้องการที่มีอย่างมากล้น ไหนจะส่วนสัดตรงนั้นของมยองซูที่ยังคงดุนดันสะโพกด้านหลังผมไม่หยุดที่เป็นตัวช่วยในการยืนยัน

 

ม่ะ ไม่...เอา"

ผมพยายามเอ่ยปากห้ามมยองซู แต่ไม่เป็นผมสำเร็จ มยองซูรั้งตัวของผมเข้ามาที่ห้องรับแขกแล้วกดผมลงนอนราบไปกับพื้นพรมแล้วทาบทับร่างของตนลงมา

 

มยองซูเลิกเสื้อยืดที่ผมใส่ขึ้นมาจนถึงลำคออย่างเร่งรีบ  ริมฝีปากเริ่มขบเม้มไปตามร่างกายของผมอย่างกระหายตั้งแต่ซอกคอ หน้าอก หน้าท้องจนผมเริ่มหายใจติดขัดด้วยความต้องการในร่างกายเริ่มถูกปลุกเร้า มือหนาทั้งสองข้างปลดกระดุมกางเกงยีนส์ผมอย่างเร่งร้อนก่อนจะกระชากมันออกจากเรียวขาผมคราวเดียวกันทั้งกางเกงชั้นนอกและกางเกงชั้นใน

 

 " มยองซู.....อย่ะ....อย่า...อ่ะ!!! "

 

ผมพยายามร้องห้ามแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกร้องลั่นเมื่อคนบนร่างแยกขาผมออกกว้างแล้วกดแก่นกายชำแรกเข้ามาในช่องทางรักของผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะเคยมีอะไรกับทั้งพี่ซองกยูและมยองซูมาบ่อยครั้งแต่ขนาดที่ไม่ธรรมดาของมยองซูซ้ำยังถูกส่งเข้ามาทันทีโดยไม่มีการเบิกทางก่อนไหนจะบทรักของผมกับพี่ซองกยูนับครั้งไม่ถ้วนก่อนหน้านี้อีกล่ะ มันทำให้ผมจุกและเจ็บปวดทรมาณจนน้ำตาไหลอาบหน้าแต่ถึงจะเจ็บปวดมากมายแค่ไหนผมก็ยินยอมให้มยองซูเริ่มต้นบทรักกับร่างกายของผมต่อไปจนกว่าเขาจะพอใจ

 

เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนผมไม่อาจนึกได้เพราะหลังจากบทรักครั้งที่เท่าไรไม่รู้จบลงผมก็หลับสนิทไปโดยไม่รู้ตัว  ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมยองซูพาผมมานอนที่เตียงนอนเมื่อลืมตาตื่นมาได้ผมก็ลากสังขารร่างกายที่แทบจะแตกดับเข้าไปในห้องน้ำโดยที่มยองซูยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างๆผม  ผมเปิดน้ำจนเต็มอ่างอาบน้ำก่อนจะลากร่างที่ปวดร้าวไปทั้งสะโพกลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำนั่น

 

" โอ๊ยยยยย "

 

ผมร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อสะโพกด้านหลังสัมผัสกับพื้นแข็งๆของอ่างอาบน้ำผมร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบทนไม่ไหว  ซ้ำยังรู้สึกสมเพชเวทนาในชีวิตตัวเองเสียเหลือเกิน

 

หลังจากที่ปลดปล่อยหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำจนสาแก่ใจ ผมก็สวมชุดคลุมอาบน้ำลากร่างตัวเองออกมาจากห้องน้ำ มยองซูไม่ได้นอนอยู่ที่เตียงแล้วพลันผมได้ยินเหมือนเสียงของมยองซูกำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่ภายในห้องรับแขก ด้วยความอยากรู้ที่มีมากกว่าร่างกายที่วิงวอนอยากจะพักผ่อน ผมจึงเปิดประตูห้องนอนพาร่างกายตรงไปยังห้องรับแขกโดยเคลื่อนไหวตัวเองให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มยองซูรู้ตัว

 

" นี่ เสียงเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวอูฮยอนก็ได้ยินหรอก”

เสียงนั่นเสียงช่างเหมือนซองยอลเหลือเกิน

 

" ป่านนี้อูฮยอนอาบน้ำเสร็จสลบคาเตียงไปแล้วมั้ง  ก็ฉันจัดไปตั้งหลายยก"

มยองซูเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ

 

" หึ มีความสุขมากสินะ หมั่นไส้"

เสียงหวานๆซองยอลแว่วมาอีกครั้งย้ำความแน่ใจของผม ผมขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดก็ได้คำตอบ มยองซูกำลังเฟสไทม์กับซองยอลอยู่นั่นเอง

 

" ก็ใครกันล่ะ ตัวเองสบายตัวไปคนเดียว พอคุณอาโทรมาหน่อย นายก็ทิ้งฉันไปกลางคัน อารมณ์ฉันมันค้างเติ่งแค่ไหน นายรู้ไหม  ถ้าไม่ได้อูฮยอนนี่แย่เลย"

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น  รู้สึกโกรธกับคำพูดพวกนั้น  นี่ที่มยองซูกระหายระบายอารมณ์ลงกับเรือนร่างของผมไม่ยั้งก็เพราะอารมณ์ค้างกับซองยอลมา

 

“ สมน้ำหน้า อยากหื่นดีนัก ก็แม่พี่ซองกยูเขาอยากให้ฉันไปช่วยเลือกของให้ลูกชายเขา "

 

“ นายไม่ไปคุณอาเขาก็เลือกได้ อยากจะไปหาพี่ซองกยูก็บอกมาสิ"

 

ถ้าใช่แล้วจะทำไม วันนี้ฉันมีเดทกับพี่ซองกยูแท้ๆ ใครกันล่ะหื่นไม่รู้เวลา ร้านอาหารก็ไม่เว้น"

 

“ แล้วตื่นเต้นดีไหมล่ะ  พรุ่งนี้ว่างม่ะ เราไปต่อที่ค้างๆกันเถอะ"

 

น้อยๆหน่อยหัดเกรงใจอูฮยอนบ้าง หื่นให้มันน้อยๆหน่อย"

 

ก็เกรงใจอยู่ แต่นายมันน่ากลืนกินทั้งตัวขนาดนี้นี่น่าซองยอล  ใครมันจะอดใจไหว"

 

พอเลยๆ ไหนบอกรักนัมอูฮยอนนักหนาไง ดูพูดเข้าถ้าอูฮยอนได้ยินจะรู้สึกยังไง"

 

ฉันไม่ได้รักอูฮยอนอูฮยอนเขาแค่น่าสงสาร  ไม่รู้สิเวลาฉันมองตาเขาแล้วอดสงสารเขาไม่ได้ ”

 

“ จะบ้าหรอ  ใครเขาคบกันเพราะความน่าสงสาร ”

 

“ ฉันพูดจริงๆ แล้วนายล่ะรักพี่ซองกยูบ้างไหม ”

 

“ ไม่รู้สิ  ตอบไม่ได้  แค่รู้สึกดีและผูกพันมั้ง ”

 

“ ถ้างั้นทำไมนายไม่เลิกกับพี่ซองกยูแล้วมาคบกับฉันแทนล่ะ ”

 

“ เป็นไปไม่ได้หรอก  พี่ซองกยูไม่ได้ผิดอะไรฉันทิ้งเขาไม่ได้หรอกอีกอย่างถ้าทำอย่างนั้นแล้วอูฮยอนล่ะ นายจะทิ้งอูฮยอนมาคบกับฉันได้จริงหรอ ”

 

มยองซูนิ่งคิดไปกับคำตอบนั้นไปชั่วอึดใจ  ผมแอบลุ้นกับคำตอบนั้น  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักแต่ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่ผมคบกับมยองซูนั้นมันก็มีความผูกผันต่อกันไม่น้อย

 

“ ไม่ได้เหมือนกัน  ฉันก็ทิ้งอูฮยอนไม่ได้ ”

มยองซูตอบซองยอลไปแบบนั้น  ผมแอบรู้สึกดีอยู่ในใจ  อย่างน้อยมยองซูก็ยังรู้สึกผูกผันกับผม  อย่างน้อยผมก็ยังมีค่ากับเขาถึงแม้จะเป็นแค่ความสงสารก็เถอะ

 

“ แต่ฉันชอบนายจริงๆนะซองยอล  ไม่เคยชอบใครเท่านายเลย ”

อยู่ๆมยองซูก็เอ่ยโพล่งออกมา  ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินกลับเข้าห้องนอนลง  ก่อนจะหยุดนิ่งฟังคำพูดของคนทั้งสองต่อ

 

“ นายแอบกินเหล้ามาเปล่าเนี่ย  เมาแล้วพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ” 

เสียงซองยอลตอบมาอย่างไม่เชื่อ

 

“ เปล่า  ฉันพูดจริงๆนะ  แรกๆระหว่างเรามันเกิดขึ้นเพราะเรื่องอย่างว่า  แต่นับวันฉันก็เริ่มรู้สึกว่าฉันขาดนายไม่ได้แล้ว  ซองยอล ”

 

“ มยองซู  นายต้องแยกให้ออกนะ  นายขาดฉันไม่ได้เพราะอะไรกันแน่  เพราะฉันจริงๆหรือแค่ร่างกายฉัน ”

 

“ แล้วถ้าฉันตอบว่าเพราะนายล่ะ  นายจะเปลี่ยนใจมาคบกับฉันไหม ”

 

ซองยอลนิ่งเงียบไปกับคำถามนั้น  ผมลุ้นกับคำตอบของซองยอลเพราะหากว่าซองยอลตอบตกลง  นั่นก็หมายความว่าพี่ซองกยูจะเป็นอิสระจากซองยอลในทันที

 

“ ไม่ได้  ยังไงก็ไม่ได้ ”

ซองยอลตอบคำถามนั้นในที่สุด  ผมแอบเสียใจกับคำตอบที่ผมก็รู้ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก

 

“ คงเป็นอย่างนั้นสินะ  ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ก่อนถามล่ะ  แล้วนายล่ะเคยชอบฉันบ้างไหม ”

เสียงมยองซูดูเบาลงไปแทบไม่ได้ยิน

 

“ ชอบในความหมายนายคืออะไรล่ะ  รู้สึกดีเมื่อเจอกัน  คิดถึงยามไม่เห็นหน้า  เป็นห่วงอีกคนแบบไม่มีเหตุผล  แอบไม่พอใจเวลานายอยู่กับคนอื่นทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์  แบบนี้เรียกว่าชอบหรือเปล่า  ถ้าใช่ก็คงแปลว่าฉันชอบนายเข้าจริงๆ ” 

 

  แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะมยองซู  ในเมื่อตอนนี้เราสองคนต่างมีเจ้าของกันแล้ว  เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว”  เสียงซองยอลเศร้าลงไปถนัดใจ

 

“ เราคงเจอกันช้าไปใช่ไหมซองยอล ”

 

“ เราไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรก  แล้วทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาเลยต่างหาก  สิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันเป็นบาปนะมยองซู ”

 

“ ฉันรู้  แต่ฉันก็พร้อมที่จะทำบาปถ้าเป็นนาย  แล้วนายล่ะซองยอล  ยังอยากจะทำบาปกับฉันอยู่ไหม ”

 

“ ฉันไม่รู้ว่าผลกรรมที่เราจะได้รับมันจะเป็นยังไง  จะทุกข์ทรมาณหนักหนาสาหัสซักแค่ไหน  แต่ฉันก็พร้อมที่จะยอมรับโทษพวกนั้นไปพร้อมๆกับนาย  มยองซู ”

 

ผมเดินหนีออกมาจากตรงนั้นตรงกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง  ยอมรับว่าทนฟังคำพูดพวกนั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเศร้าใจไปกับความสัมพันธ์หลบซ่อนของมยองซูและซองยอล  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าเคยโกรธและเกลียดพวกเขาที่ทำอะไรกันลับหลังเหมือนผมเป็นคนโง่โดยไม่ย้อนดูตัวเองเลยว่าผมและพี่ซองกยูเองก็ไม่ได้ต่างจากคนทั้งคู่เลย  จริงอยู่ที่ผมและพี่ซองกยูอาจจะคบหากันมาก่อน  แต่ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างเลิกรากันไปแล้วและต่างมีคนรักใหม่  ดังนั้นสิ่งที่ผมและพี่ซองกยูกำลังทำก็เลวและบาปไม่ได้น้อยไปกว่าสิ่งที่มยองซูและซองยอลทำเลย  ผมและพี่ซองกยูก็เป็นฝ่ายที่สวมเขาให้พวกเขาด้วยเช่นกัน  ผมพยายามไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการคบชู้จนไปยกข้ออ้างที่ผมและพี่ซองกยูมาก่อนซึ่งมันเป็นข้ออ้างที่ช่างงี่เง่ายิ่งนัก

 

ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียง  ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาชะล้างความผิดบาปที่อยู่ในใจ  ผมเหลือบมองแท่งแม่เหล็กลายสวยที่บรรจุในกล่องวางบนโต๊ะข้างเตียง  ผมชอบลายเพ้นท์ของมันซึ่งดูเก๋และสวยดีจึงซื้อมาเก็บไว้  ผมเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาดูจากกล่อง  น่าแปลกตั้งแต่ผมซื้อมันมาทั้งชุดพึ่งสังเกตเห็นว่ามันมีอยู่สี่ชิ้น  สองชิ้นแรกเป็นสีน้ำเงิน มีลายเขียนต่อกัน อีกสองชิ้นเป็นสีแดงมีลายเขียนต่อกันเช่นกันแต่น่าแปลกที่ทั้งสี่อันกลับสลับคู่ทั้งสีและลายอยู่  แม่เหล็กติดกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างกัน  ผมลองหยิบอันที่เป็นสีแดงสองชิ้นเปลี่ยนมาจับคู่ให้ติดกันปรากฎว่ามันผลักออกจากกัน  ผมจึงลองหยิบอันที่เป็นสีน้ำเงินสองชิ้นมาทดลองบ้างผลปรากฎว่ามันก็ผลักกันเช่นกัน  หลังจากนั้นผมจึงลองเปลี่ยนเป็นเอาสีน้ำเงินกับสีแดงอย่างละชิ้นมาติดกันเหมือนเดิมปรากฎว่ามันติดกันสนิททั้งๆที่ลายบนแม่เหล็กไม่ได้ต่อเนื่องกัน  แล้วเมื่อลองทำกับอีกสองชิ้นที่เหลือมันก็ติดกันเช่นกัน

 

ผมมองแม่เหล็กในมือนิ่งอยู่นาน  คนที่ทำกล่องแม่เหล็กชุดนี้เหมือนจะบอกความนัยอะไรบ้างอย่างซ่อนอยู่  แม่เหล็กสี่อันนี้คงจะเหมือนกับชีวิตของผม  พี่ซองกยู  มยองซูและซองยอลสินะ  สีที่เหมือนกันและลายที่เหมือนกันคือความรู้สึกในใจที่มีต่อกันและตรงกันระหว่างผมกับพี่ซองกยู  มยองซูและซองยอล  แต่เรากลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เพราะเราจะถูกผลักออกจากกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่เหล็กพวกนั้น  แต่ถ้าหากเราสลับไปอยู่กับอีกคนนึงเหมือนแม่เหล็กที่ต่างสีลายไม่ต่อเนื่องอยู่ด้วยกัน  เราก็จะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีแรงผลักดันใดๆภายในกล่องๆนั้น  เหมือนชีวิตของพวกผมสี่คนที่ต้องสลับขั้วกันแบบนี้กันต่อไป

 

หากการกระทำของมยองซูและซองยอลคือการทำบาป

 

ผมกับพี่ซองกยูก็คงทำบาปนั้นมากมายไม่ต่างกัน

 

หากมยองซูกับซองยอลต้องยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่พวกเขาได้ทำด้วยกัน

 

ผมกับพี่ซองกยูก็พร้อมที่จะยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่เราสองคนได้ทำไว้เช่นกัน

 

หากมยองซูและซองยอลคือคนบาป

 

ผมและพี่ซองกยูก็คือคนบาปเช่นกัน

 

แต่ถึงรู้ว่ามันเป็นบาป  ถึงรู้ว่าจะต้องรับผลกรรมที่แสนสาหัส

 

แต่ผมก็พร้อมที่จะจับมือพี่ซองกยูเอาไว้ยอมผิดบาปไปด้วยกัน

 

แล้วคุณล่ะ  คุณจะยอมเป็นคนบาปเหมือนพวกผมสี่คนไหม

 

คุณยังมีทางเลือกมากมายให้ได้เลือกเดิน

 

อย่าปล่อยให้ความรักมาทำให้คุณหลงผิดมองไม่เห็นว่าอะไรดีหรือชั่ว

 

อย่าปล่อยให้ความรักมาบดบังสามัญสำนึกที่คุณมีไปจนหมดสิ้น

 

ความรักอาจทำให้คุณเปี่ยมไปด้วยความสุข

 

แต่ความรักก็อาจทำให้คุณทุกข์ทรมาณดั่งตายทั้งเป็น

 

อย่าให้ความรักทำร้ายพวกคุณเหมือนที่กำลังทำร้ายพวกผมสี่คนอีกเลย






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น