วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

Secrecy Part 1




Part 1

 

ซองยอล ทำงานอยู่ในร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งแถบย่านชานเมือง ร้านหนังสือแห่งนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก ดังนั้นจึงมีพนักงานในร้านเพียงซองยอลและอูฮยอนเพื่อนร่วมงานอีกคนเท่านั้น และในช่วงเวลานี้ลูกค้าในร้านมีเพียงคนสองคนเท่านั้นกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่ที่ชั้นวางหนังสือ ซองยอลยืนเท้าคางอยู่ที่เค้าเตอร์คิดเงินมองคนในร้านด้วยดวงตาที่เหม่อลอย

 

" ซองยอล...ซองยอล...อีซองยอล "

อูฮยอนเพื่อนร่วมงานตัวเล็กเดินมาเรียกซองยอลอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ซองยอลจะสะดุ้งแล้วหันมาหาตามเสียงเรียกของอูฮยอน

 

" ฉันตกใจหมดอูฮยอน มีอะไรหรอ "

 

" เหม่อ ใจลอยอีกแล้วนะ "

อูฮยอนเอ่ยเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนร่วมงาน ซองยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

" อย่าบอกนะ ว่าคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว " อูฮยอนเอ่ยถาม ซองยอลพยักหน้ารับ

 

" แล้วเห็นไหมว่าใคร "

ซองยอลส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ

 

" ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นใครเลย แค่รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตามมาเหมือนทุกๆครั้ง "

 

" ซองยอล ฉันว่ามันเริ่มน่ากลัวแล้วนะ ถ้ามีคนเดินตามนายจากปากซอยบ้านไปจนถึงบ้านนายทุกวันแบบนี้ คนๆนั้นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ "อูฮยอนออกความเห็น

 

" แต่ฉันพยายามดูแล้วนะก็ไม่เห็นใคร หรือว่าฉัน...ประสาทหลอน ฉันกำลังเป็นบ้า "

ซองยอลเอ่ยอย่างสับสน

 

" ไม่เอา ใจเย็นๆนะ " อูฮยอนเอื้อมมือมากุมมือซองยอลอย่างปลอบใจและให้กำลังใจ

 

ซองยอลกำลังเครียดและกลัว  ปกติแล้วหลังจากเลิกงานที่ร้านหนังสือ ร่างบางจะนั่งรถเมล์ไปลงแถวปากซอยบ้านแล้วเดินเข้าซอยเพื่อเข้าบ้านที่ตั้งอยู่ที่ท้ายซอย แต่ในระยะหลังๆของ สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ซองยอลกลับรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามเขาอยู่ตลอดจากปากซอยจนถึงบ้านแต่เมื่อหันกลับไปก็ไม่พบใครแม้เงา เป็นอย่างนี้มาตลอดทุกวันจนเขาเกิดอาการเครียดและคิดมาก

 

" ขอบใจนะอูฮยอน "

ซองยอลกล่าวขอบคุณอูฮยอน ซองยอลมาทำงานที่ร้านหนังสือนี้มาไม่ถึงปีแต่กลับสนิทสนมกับอูฮยอนได้อย่างรวดเร็วจนสามารถเล่าหรือปรึกษาอูฮยอนได้ในหลายๆเรื่อง อูฮยอนยิ้มให้กับซองยอลก่อนจะเดินออกไปหาลูกค้าที่เรียกเขาอยู่

 

ดึกมากแล้ว ซองยอลลงจากรถเมล์ก่อนจะเดินเข้ามาในซอย มือบางหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับมือถือก่อนจะนำมาใส่หูของตนเองเปิดเพลงฟังเพื่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยตนเองยังมีเพลงเป็นเพื่อน สองสามอาทิตย์กับเหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เขากลัวจริงๆ หลายครั้งที่ซองยอลคิดอยากจะพึ่งบริการแท็กซี่แต่เมื่อคิดดูแล้วมันก็ดูเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไปสำหรับเขาที่มาจากครอบครัวที่ฐานะปานกลาง

 

ซองยอลเดินเข้ามาในซอยได้เพียงครึ่งทางอยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบเข้าไปที่ขั้วหัวใจ มือทั้งสองข้างที่เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกำมือถือของตัวเองเอาไว้แน่น

 

" ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ................ " 

 

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลังระยะห่างออกไปไม่มากจากร่างบาง ซองยอลเร่งก้าวเท้าเรียวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ความกลัวแล่นไปทั่วทุกรูขุมขน เหงื่อชื้นเริ่มไหลออกมาเต็มใบหน้าใจเต้นไม่เป็นส่ำ

" ตึก ตึก ตึก ตึก ................. "

 

เสียงก้าวฝีเท้าจากใครคนเดิมยังคงดังมากระทบโสตประสาท มันยิ่งดังขึ้น ดังขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งเพิ่มความกลัวแล่นสู่จิตใจของซองยอลมากขึ้นไปอีก ในที่สุดซองยอลก็ตัดสินใจออกวิ่งจนสุดฝีเท้า โดยมีเสียงฝีเท้าเสียงนั้นเร่งความเร็วตามเขามา มากขึ้นๆ ใกล้เข้ามาอีกๆ ซองยอลวิ่งมาถึงบ้านร่างบางรีบล้วงกุญแจหยิบขึ้นมาแต่ด้วยความที่มือสั่นไหวเขาจึงทำกุญแจตกลงไปที่พื้น ร่างบางกลั้นหายใจก้มเก็บกุญแจนั้นแล้วไขเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูล็อคแน่นหนาจากข้างในทันที ซองยอลยืนหอบด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งหลังพิงประตูก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากตั้งสติทิ้งความหวาดกลัวเมื่อครู่ลงไปได้แล้ว ซองยอลก็เริ่มแปลกใจเมื่อพบว่าภายในบ้านของเขาเปิดไฟสว่างไปทั้งบ้านทั้งๆที่มีเพียงเขาอาศัยบ้านหลังนี้อยู่โดยลำพัง

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นความหวาดกลัวก็เริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจอีกครั้ง ร่างบางเม้มปากแน่นพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้สั่นไหว ก่อนจะก้าวขาที่เริ่มจะสั่นเคลื่อนตัวไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่างไปจากตัวเขามากนัก บ้านของซองยอลไม่ได้ใหญ่โตนัก เป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่เกือบๆชานเมือง ชั้นล่างมีโถงโล่งๆสำหรับเป็นที่รับแขกและมีห้องครัวและห้องน้ำอย่างละห้อง ส่วนชั้นบนมีห้องนอน 2 ห้องและห้องน้ำอีก 1 ห้อง

 

ซองยอลก้าวขาไปที่ห้องน้ำก่อนจะชะงักทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผลักประตูห้องน้ำเข้าไป แสงไฟจากห้องโถงส่องเข้าไปในห้องน้ำ มันว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ซองยอลถอนหายใจออกมาอีกเฮือกของวันนี้ เหงื่อบนใบหน้ายังคงไหลซึมด้วยความกลัว ทันใดนั้น ........................

 

เคร้งงงงงงงงงง !!!!!!! ”

เสียงวัตถุบางอย่างกระทบเข้ากับพื้นดังสนั่นกลบความเงียบ เสียงนั้นดังมาจากทางห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง

 

ซองยอลสะดุ้งสุดตัว ตัวเริ่มสั่นไหวไปด้วยความกลัวแต่ความอยากรู้นั่นมีมากกว่า ในที่สุดซองยอลก็ตัดสินใจสาวเท้าตรงไปยังห้องครัว ขาเรียวค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างช้าๆพร้อมกับดวงตากลมโตนั้นก็มองไปรอบๆห้องนั้น แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากกะละมังอะลูมิเนียมใบหนึ่งที่หล่นอยู่ที่พื้น ซองยอลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก เขาคงคิดมากไปเองกะละมังใบนั้นเขาตงวางไว้หมิ่นเกินไปมันจึงตกลงมา

 

แล้วไฟล่ะ ใครเปิด

ซองยอลพึมพำนึกขึ้นได้ถึงไฟที่เปิดทิ้งไว้เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รีบออกมาจากห้องครัวแต่เมื่อหมุนตัวจะกลับมาร่างบางก็ชนเข้ากับร่างหนึ่งเข้าอย่างจัง

 

" ไม่ !!!!!! อย่านะ !!!!!!!!! ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัว!!!!!!! " ซองยอลทนรับความกลัวที่ครอบคลุมจิตใจถึงจุดสูงสุดไม่ได้อีกแล้วร่างบางทรุดลงไปที่พื้น ปิดตาสนิท สองมือเรียวปิดไปที่หูด้วยความกลัวถึงขีดสุด น้ำตาเริ่มรินไหลออกมาอาบแก้มใส

 

" ซองยอล ซองยอล " เสียงหนึ่งเรียกเขาพร้อมกับเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวเขา

 

" อย่า !!!!! ไม่ !!!! " ซองยอลปัดสัมผัสนั้นทิ้งแล้วหวีดร้องเสียงดังอย่างคนที่เริ่มเสียสติ

 

" ซองยอล นี่พี่เองนะ ใจเย็นๆ "

เสียงอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมสัมผัสแผ่วเบาจับที่ต้นแขนทั้งสอง ซองยอลค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับเสียงนั้น ก่อนจะโผเข้ากอดคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างขวัญเสีย

 

" พี่โฮวอน " ร่างหนากอดร่างบางปลอบก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลเบาๆอย่างอ่อนโยนให้คลายความกลัวลง

 

หลังจากซองยอลควบคุมสติได้ โฮวอนก็พาซองยอลมานั่งที่โซฟาในห้องโถง โฮวอนเป็นพี่ชายของซองยอลแต่เนื่องจากต้องไปทำงานประจำที่ต่างจังหวัด ดังนั้นนานๆครั้งจึงจะกลับมาบ้านซักครั้งนึง

 

" มีอะไร เล่าให้พี่ฟังได้ไหม " โฮวอนวางเครื่องดื่มร้อนๆบนโต๊ะให้กับน้องชายก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ

 

" เอ่อ...คือ " ซองยอลมองสบตากับผู้เป็นพี่ชายก่อนจะครุ่นคิดว่าเขาควรจะบอกโฮวอนดีไหม ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมา

 

" คือสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามผมมาตลอด เวลาที่ผมกลับบ้าน "

" แต่ผมมองกลับไปกลับไม่มีใคร ผมกลัวพี่โฮวอน ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว "

 

โฮวอนหน้าซีดลงเล็กน้อยแววตาของร่างสูงดูหวั่นไหวอะไรบางอย่างก่อนจะปรับมันกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว

 

" ซองยอลคิดมากไปหรือเปล่า ไม่มีอะไรหรอกนี่เราอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีอะไรนะ "

โฮวอนเอ่ยกับผู้เป็นน้องชาย

 

" จริงๆนะครับพี่โฮวอน มันน่ากลัวมาก ผมกลัว "

 

" ไม่เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก พี่ว่าเราชอบเอาหนังพวกฆาตกรรมสยองขวัญมาดูใช่ไหมเนี่ย ถึงเอาไปคิด "

 

" ผมไม่ได้โกหกนะพี่ ผมพูดจริงๆ มีคนตามผมจริงๆ "

 

" ใจเย็นๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่ " โฮวอนตัดบท

" แต่.... " ซองยอลอยากจะพูดต่ออยากอธิบายเรื่องราวให้โฮวอนเชื่อเขาแต่ดูท่าทางพี่ชายของเขาไม่มีวี่แววที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อยซองยอลจึงเลือกที่จะหยุดไว้แค่ตรงนั้นแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

 

โฮวอนมองตามร่างของผู้เป็นน้องชายจนลับตา เมื่อพ้นร่างนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็เศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาทั้งสองสั่นวูบไหว

 

" ซองยอล พี่ขอโทษ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพื่อน้องนะ " โฮวอนซบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกอัดอั้นในใจหลายๆอย่างที่เขาไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้

 

เช้าวันรุ่งขึ้นโฮวอนขับรถมาส่งซองยอลที่ร้านหนังสือก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัดตามเดิม

 

" เรื่องเมื่อคืนอย่าเอามาคิดมากนะ พี่ว่าไม่มีอะไรหรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องติดต่อพี่ด่วนเลยนะ รู้ไหม "

โฮวอนแตะมือลงบนบ่าน้องชายด้วยความเป็นห่วง ซองยอลได้แต่พยักหน้าตอบรับผู้เป็นพี่ชาย

 

" อยู่ได้แน่นะ ไปอยู่กับพี่ไหม "

โฮวอนเอ่ยถามอีกครั้ง เขาเคยขอให้ซองยอลย้ายไปอยู่กับเขาที่ต่างจังหวัดแต่ซองยอลกลับปฎิเสธทุกครั้ง

 

" ไม่เป็นไรครับ ผมชอบที่นี่ ชอบทำงานที่นี่ "

ซองยอลเอ่ย โฮวอนยิ้มอ่อนโยนให้น้องชายก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลนั้นเบาๆ

 

" ดูแลตัวเองนะ แล้วพี่จะหาเวลามาหาบ่อยๆ พี่ไปล่ะ "

โฮวอนเอ่ยก่อนจะกลับไปที่รถ ซองยอลมองรถของโฮวอนจนลับตาก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในร้าน

 

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของร้าน อูฮยอนจึงชวนซองยอลออกไปดูหนังและช็อปปิ้งกัน ซองยอลตอบรับในทันทีเพราะถึงแม้จะเป็นวันของการพักผ่อนแต่การที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเพียงลำพังมันช่างเดียวดายเหลือเกิน

 

หลังจากเสร็จสิ้นจากการดูหนัง อูฮยอนก็ลากซองยอลมาที่ย่านช็อปปิ้ง อูฮยอนดูมีความสุขกับการเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ผิดกับซองยอลเขาดูซึมๆสีหน้าดูมีความกังวลและคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

 

" ยิ้มหน่อยสิซองยอล เห็นนายหน้าตาแบบนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย " อูฮยอนเอ่ยทัก

 

" ไม่มีอะไรหรอกอืม...เดี๋ยวฉันมานะ ฉันหิวน้ำ "

ซองยอลเอ่ย อูฮยอนพยักหน้ารับรู้

 

ซองยอลจึงผละออกมาจากอูฮยอนแล้วตรงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มและซื้อมันมาสำหรับตัวเขาและอูฮยอน ระหว่างทางที่จะกลับไปหาอูฮยอนที่ร้านเดิม ซองยอลมองไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนก็เห็นร้านกาแฟร้านเล็กๆน่ารักร้านหนึ่งตั้งอยู่ตรงนั้น หน้าร้านมีตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูตัวโตน่ารักวางอยู่บนม้านั่งยาวสีขาวและกำลังมีคู่รักคู่หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ฝ่ายหญิงวิ่งไปโอบกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่นก่อนจะกวักมือเรียกฝ่ายชายให้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปให้

 

คุ้น !!! ทำไมซองยอลถึงรู้สึกคุ้นภาพนั้น เคยเห็นที่ไหนกันนะ ซองยอลครุ่นคิด คิ้วเริ่มขมวดย่น แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ศีรษะเริ่มปวดโดยเริ่มจากขมับซ้ายไล่มาทางขมับขวา มือเรียวกุมขมับด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยความสงสัยที่มีต่อภาพตรงหน้ามีมากกว่า ร่างบางก้าวเท้าไปที่ทางม้าลายทันทีโดยไม่ทันได้มองเลยว่าสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว

 

" เอี๊ยดดดดดดดดดด !!!!!!! "

เสียงเบรกล้อรถยนต์กระทบกับพื้นถนนเสียงดังลั่น รถยนต์คันนั้นหยุดนิ่งห่างจากร่างซองยอลไม่ถึงคืบ

 

ซองยอลทรุดลงไปอยู่ที่พื้นถนนด้วยความตกใจ ศีรษะเริ่มปวดรุนแรงมากขึ้นๆจนต้องยกมือเรียวทั้งสองมากุมไว้แน่น ในหัวมีภาพหลายๆภาพซ้อนทับไปมาสับสนวุ่นวายไปหมดก่อนจะเริ่มเด่นชัดขึ้นมาทีละภาพเริ่มจากภาพของตัวของซองยอลเองกำลังยืนอยู่กลางถนนและมีรถกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาหาเหมือนเช่นเมื่อครู่นี้ก่อนที่รถคันนั้นจะพุ่งเข้าใส่ร่างซองยอลก็มีร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ซองยอลมองเห็นหน้าไม่ชัดพุ่งผลักตัวเขาออกไปให้พ้นทาง

 

" ซองยอล !!!! "

เสียงของผู้ชายคนนั้นที่เรียกชื่อของเขาก้องดังก่อนภาพนั้นจะจางหายไปและดับมืดลงก่อนจะกลายเป็นภาพใหม่ซ้อนทับขึ้นมา ภาพร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มีตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ผูกโบว์สีชมพูตั้งอยู่บนม้านั่งสีขาวหน้าร้านคล้ายกับร้านที่ซองยอลเห็นเมื่อครู่ ตัวซองยอลนั้นกำลังออกแรงดึงแขนผู้ชายคนหนึ่งให้เดินตรงไปที่ตุ๊กตาหมีตัวนั้น

 

" ตุ๊กตาหมีน่ารักจัง ดูสิ "

ซองยอลชี้นิ้วเรียวไปที่ตุ๊กตาหมีตัวโต ชายหนุ่มที่มาด้วยกันยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู

" ถ่ายรูปฉันกับตุ๊กตาหมีให้หน่อยสิ "

ซองยอลเอ่ยกับร่างสูง ก่อนจะวิ่งไปกอดตุ๊กตาหมีเอาไว้แน่น ชายหนุ่มคนนั้นหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปให้

 

" อันไหนนาย อันไหนตุ๊กตาหมีเนี่ย " ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยเย้าเล่น

 

" นี่นายว่าฉันอ้วน เหมือนหมีหรอ " ซองยอลกอดอกบุ้ยปากงอนจนแก้มป่องน่ารัก

 

" เปล่าซะหน่อย ฉันหมายถึงว่านายน่ารักน่ากอดเหมือนหมีต่างหากล่ะ "

ซองยอลได้ฟังแล้วก็อมยิ้มด้วยความพอใจระคนกับความเขินแก้มใสระเรื่อขึ้นสีเล็กน้อย

 

" มาถ่ายรูปด้วยกันสิ "

ซองยอลกวักมือเรียกเขาคนนั้นให้มาใกล้ ทั้งสองถ่ายรูปเซลก้ากันกับตุ๊กตาหมีตัวโตอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของซองยอลกับผู้ชายคนนั้นก้องขึ้น

 

ภาพนั้นจางไปอีกครั้ง ก่อนจะซ้อนทับไปด้วยภาพมากมายไหลเข้ามาในหัวของซองยอลราวน้ำหลาก ร่างบางกรีดร้องออกมาด้วยความสับสนและอาการปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง จนคนรอบข้างที่เข้ามาดูอาการของเขาต่างตกใจ

 

" ซองยอล !!!! "

อูฮยอนที่ออกมาตามซองยอลและวิ่งมาเห็นซองยอลก็รีบตรงเข้ามาที่ซองยอลทันที

" ซองยอล ซองยอล "

อูฮยอนพยายามกอดร่างของผู้เป็นเพื่อนให้สงบลง ซองยอลดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของอูฮยอนเพียงครู่เดียวก็หวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะฟุบสลบไปในอ้อมกอดของอูฮยอน

 

ที่โรงพยาบาล โฮวอนรีบบึ่งรถมาที่โรงพยาบาลทันทีหลังจากทราบข่าวจากอูฮยอนที่โทรไปบอกข่าวแก่เขา อาการของซองยอลทางร่างกายไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะร่างบางไม่ได้บาดเจ็บอะไรจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แพทย์ลงความเห็นว่าซองยอลคงตกใจมากจึงทำให้สลบไป แต่โฮวอนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอาการของซอลยอลมันต้องไม่ใช่อาการที่ปกติธรรมดา

 

" ตอนเกิดเรื่อง ซองยอลดูช็อกมากเลยครับ เขาเอาแต่กุมหัวแล้วกรีดร้องโวยวายจนฟุบสลบไป ตอนนั้นผมกลัวจริงๆนะ ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน "

นั่นคือถ้อยคำของอูฮยอนที่บอกกล่าวแก่เขาหลังจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง

 

โฮวอนเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไป ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของซองยอล ชายหนุ่มมองร่างบางของผู้เป็นน้องชายที่หลับอยู่บนเตียงคนป่วยด้วยความสงสาร โฮวอนค่อยๆเอื้อมมือไปลูบผมของน้องชายอย่างแผ่วเบาดวงตาสั่นไหว น้ำตาใสๆของลูกผู้ชายคลอที่เบ้าตา

 

" ซองยอล พี่ควรจะทำยังไงดี พี่ควรทำยังไง "



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น